สหรัฐฯลดพนักงานจนวิกฤต หน่วยรับมือภัยพิบัติลาออกนับพัน ขณะที่ "ฤดูเฮอริเคน" จ่อเข้ามา

หน่วยงาน FEMA (Federal Emergency Management Agency) ที่รับผิดชอบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยธรรมชาติในสหรัฐฯ กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อบุคลากรประจำเต็มเวลาราว 20% หรือประมาณ 1,000 คน เตรียมลาออกจากตำแหน่ง โดยในจำนวนนั้นรวมถึง ผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์ด้านการรับมือและฟื้นฟูภัยพิบัติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ FEMA อย่างรุนแรงในช่วงฤดูเฮอริเคนที่ใกล้จะมาถึง

การลาออกครั้งใหญ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ลาออกโดยสมัครใจ (Voluntary Buyout) ภายใต้แผนปรับลดบุคลากรของ กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency – DOGE) ที่บริหารโดย อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ตามข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่ให้สัมภาษณ์กับ CNN

เจ้าหน้าที่ FEMA หลายรายยืนยันว่า ผู้ที่กำลังจะออกจากหน่วยงานในรอบนี้ไม่ใช่เพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางแผนรับมือภัยพิบัติ การบริหารจัดการ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ FEMA รายหนึ่งกล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อว่า “ไม่ว่าจะมีการอายัดตำแหน่งหรือไม่ การสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ครั้งนี้จะสร้าง ‘ภาวะสมองไหล’ (brain drain) อย่างแน่นอน ซึ่งจะขัดขวางความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติของเรา”

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปี มีบุคลากร FEMA กว่า 800 คน ที่เข้าร่วมโครงการลาออกก่อนกำหนดเช่นกัน แต่ในรอบใหม่นี้ แหล่งข่าวระบุว่า มีผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากเลือกลาออกด้วยตนเอง

“หลายคนรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาสร้างมากำลังถูกทำลาย และไม่มีใครเคารพมันอีกต่อไป”

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรได้ออกมาวิจารณ์ FEMA อย่างหนัก ว่าเป็นหน่วยงานที่ลำเอียง ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่จำเป็น ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คริสตี โนม (Kristi Noem) ก็ได้ให้คำมั่นว่าอาจ “ยุบ FEMA” ในอนาคตอันใกล้

ล่าสุด กระทรวงความมั่นคงฯ ได้ทำการ ทดสอบเครื่องจับเท็จ (polygraph) กับเจ้าหน้าที่ FEMA อย่างน้อย 12 คน หลังเกิดกรณีข้อมูลรั่วไหลสู่สื่อ โดยมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนถูกเรียกตรวจในภายหลัง แหล่งข่าวเผยว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ

บุคลากรส่วนใหญ่ของ FEMA ที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หลังเกิดภัยพิบัติ คือกลุ่ม CORE (Cadre of On-Call Response Employees) และ Reservists ซึ่งมีสัญญาทำงานแบบชั่วคราว 2–4 ปีอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับสิทธิ์ลาออกในรอบล่าสุด แต่อาจกำลังถูกปรับลดในอีกไม่ช้า

เดือนที่แล้ว รัฐมนตรีออกคำสั่งใหม่ให้ การต่ออายุสัญญาของพนักงานกลุ่ม CORE และ Reservists ต้องผ่านการอนุมัติเป็นรายคนจากทีมของเธอ ซึ่งปัจจุบันหลายคนได้รับการต่อสัญญาแบบ “เดือนต่อเดือน” เท่านั้น เจ้าหน้าที่ FEMA หลายรายคาดว่า รัฐบาลจะค่อย ๆ ลดจำนวนตำแหน่งเหล่านี้ลงอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้ทรัพยากรที่ใช้ช่วยเหลือพื้นที่ภัยพิบัติลดน้อยลง

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านการรับมือภัยพิบัติโดยตรงเผยว่า การเตรียมพร้อมสำหรับฤดูเฮอริเคนปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการขาดงบประมาณและบุคลากร เช่น การฝึกอบรมที่ถูกเลื่อน การจ้างงานที่ถูกระงับ และความร่วมมือกับหน่วยงานระดับรัฐที่ลดลง สถานการณ์นี้กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า สหรัฐฯ อาจกำลังสูญเสีย ระบบการช่วยเหลือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ไปอย่างช้า ๆ โดยไม่มีการเตรียมสิ่งใดมาทดแทน