“จาเมกา” พังพินาศทั้งเกาะ หลังเจอเฮอริเคน “เมลิสซา” ถล่ม เสียหายกว่า 1.9 ล้านล้านบาท

เฮอริเคน “เมลิสซา” ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคนที่รุนแรงที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติกปี 2568 ได้พัดขึ้นฝั่งบริเวณเมืองนิวโฮป ทางตอนใต้ของเกาะจาเมกา เมื่อวันอังคารที่ 28 ตุลาคม ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 185 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราว 296 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าขึ้นฝั่งอีกครั้งทางตอนใต้ของคิวบาในเช้าวันพุธที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา
นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี นับตั้งแต่เฮอริเคนดอเรียน เมื่อปี 2562 ที่มีพายุจากมหาสมุทรแอตแลนติกพัดขึ้นฝั่งในระดับ “เฮอริเคนระดับ 5” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตรา Saffir-Simpson
แม้กรุงคิงส์ตัน เมืองหลวงของจาเมกา จะรอดพ้นจากความเสียหายรุนแรงที่สุด แต่พื้นที่ทางตะวันตกของเกาะกลับเผชิญกับ “ความเสียหายที่รุนแรง” ด้าน นายดาริล วาซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คมนาคม และโทรคมนาคมของจาเมกา ระบุว่า ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าว “ขาดการติดต่อสื่อสารโดยสิ้นเชิง” หลังระบบสื่อสารและไฟฟ้าถูกพายุทำลาย
ด้าน ไบรซ์ เชลตัน จาก AccuWeather ซึ่งรายงานสดจากเมืองแมนเดวิลล์ กล่าวว่าทั้งเมืองจมอยู่ใต้น้ำ “มีน้ำท่วมทั่วเมือง บ้านหลายหลังถูกน้ำซัดจมหาย รถยนต์ก็เช่นกัน ตอนนี้แทบไม่มีใครออกจากเมืองได้เลย”
รายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเฮติจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้ครบ
ด้านนักท่องเที่ยวเผยว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่สามารถออกจากเกาะได้ก่อนพายุขึ้นฝั่ง ทำให้ต้องเผชิญพายุเต็ม ๆ และปัจจุบันยังติดค้างอยู่ในรีสอร์ตต่าง ๆ หลังเที่ยวบินถูกยกเลิกทั้งหมด
มีการประเมินความเสียหายและผลกระทบทางเศรษฐกิจจากพายุเมลิสซาไว้ที่ ราว 48,000–52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.8–1.97 ล้านล้านบาทไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีแอนดรูว์ โฮล์เนส ของจาเมกา ยอมรับว่า “ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานใดในภูมิภาคนี้ที่สามารถต้านทานพายุระดับ 5 ได้ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเราจะฟื้นฟูได้เร็วแค่ไหน ซึ่งนั่นคือความท้าทายใหญ่ที่สุด”
อย่างไรก็ตาม พายุเมลิสซาเป็นพายุลูกที่สามของปีที่ทวีความรุนแรงจนถึงระดับ 5 ต่อจาก “เอริน” และ “ฮัมเบอร์โต” แต่เป็นลูกที่ทรงพลังที่สุด โดยมีความเร็วลมสูงสุด 185 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการบันทึกเพิ่มเติมว่า เมลิสซาเคลื่อนตัวช้าที่สุดในประวัติศาสตร์พายุในภูมิภาคนี้ โดยมีความเร็วเฉลี่ยเพียง 4.6 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราว 7.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมกินเวลาหลายวัน
และหลังจากพายุถล่มจาเมกาและคิวบา พายุเมลิสซามีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวขึ้นทางเหนือ ผ่านหมู่เกาะบาฮามาส และอาจพัดขึ้นฝั่งเบอร์มิวดา ก่อนเคลื่อนไปยังชายฝั่งตะวันออกของแคนาดา และอาจมีอิทธิพลถึงยุโรปในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
