รีเซต

งัด! กลยุทธ์หุ้นกลุ่มแบงก์ ‘กรุงศรี’ ชี้ ธนาคารไทย โปรไฟล์เหนือกว่า

งัด! กลยุทธ์หุ้นกลุ่มแบงก์ ‘กรุงศรี’ ชี้ ธนาคารไทย โปรไฟล์เหนือกว่า
ทันหุ้น
15 มีนาคม 2566 ( 12:33 )
86

#ทันหุ้น - บล.กรุงศรี ระบุ ฝ่ายวิจัยคงมุมมองว่าปัญหาจาก SVB จะส่งผลกระทบจำกัดต่อระบบธนาคารไทย พิจารณจากขนาดสินทรัพย์ของ SVB ถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับทั้งระบบธนาคารและขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

นอกจากนี้ ธนาคารขนาดใหญ่ของไทยยังมี profile สภาพคล่องและโครงสร้างพอร์ตที่เหนือกว่า ซึ่งน่าจะทำให้สามารถรับมือกับความกลัวว่าจะเกิดการแห่ถอนเงินฝากได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าภาวะแห่ถอนเงิน (bank run) ในสหรัฐอาจจะถือเป็น wake-up call ให้กับธนาคารไทยที่จะพิจารณาเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากโดยเฉพาะกับบัญชี CASA ในปีนี้

 

ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงและจะได้รับผลกระทบทางอ้อมเพียงเล็กน้อย*

 

ฝ่ายวิจัยยังคงมองว่าการที่ SVB ล้มน่าจะส่งผลกระทบในวงจำกัดต่อระบบธนาคารไทย เพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจ้งแล้วว่าไม่มีธนาคารไทยแห่งไหนที่มีการทำธุรกรรมโดยตรงกับSVB อย่างไรก็ตาม อาจจะเห็นผลกระทบทางอ้อมในแง่ของภาวะตลาด แต่ก็น่าจะเป็นผลกระทบไม่รุนแรงเท่ากับปี 2551 หลังการล่มสลายของ Lehman Brothers เพราะ SVB มี ขนาดสินทรัพย์เพียง US$2.12 แสนล้าน คิดเป็นเพียง 0.9% ของสินทรัพย์รวมในระบบ ธนาคารของสหรัฐ และ 0.9% ของ GDPสหรัฐ ในขณะที่สินทรัพย์ของ Lehman Brothers มี ขนาดสูงถึง US$6.91แสนล้าน (เมื่อปี2007ก่อน GFC) คิดเป็น 6.4% ของสินทรัพย์รวมใน ระบบธนาคารสหรัฐ และ 4.8% ของ GDPสหรัฐในปี 2550

 

ทั้งนี้ SVB จัดเป็นธนาคารที่ใหญ่ เป็นอันดับที่ 16ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ Lehman Brothersซึ่งอยู่ใน top 5 ของธนาคารสหรัฐในปี 2550 นอกจากนี้ SVB น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับธนาคารใหญ่อื่น ๆ ไม่มากนัก เพราะธุรกิจเน้นที่กิจการ startup ในกลุ่มเทคโนโลยี

 

ธนาคารไทยมีprofile สภาพคล่อง และโครงสร้างพอร์ตเหนือกว่า*

 

ก่อนที่ SVB จะล้ม ได้มีการรายงานฐานเงินทุนแข็งแกร่งและมีสินทรัพย์สภาพคล่องสูงอยู่ ในพอร์ตเป็นจำนวนมาก โดย CAR อยู่ที่ 16.2% และสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสูงต่อ เงินฝากอยู่ที่ 23% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกว่า 70% ของสินทรัพย์สภาพคล่องเป็นการ ลงทุนใน UST และตราสารหนี้ประเภทอื่น ๆ ดังนั้น ผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้ของการลงทุน เหล่านี้ซึ่งอยู่ในรายการสินทรัพย์รอการขายที่เกิดขึ้นหลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลายรอบและความไม่สอดคล้องของอายุตราสารหนี้ (maturing mismatch) คือสาเหตุ สำคัญเบื้องหลังที่ทำให้SVB ประสบปัญหา

 

ในขณะเดียวกัน ธนาคารขนาดใหญ่ของไทยมีprofile สภาพคล่อง และโครงสร้างพอร์ตที่เหนือกว่า โดยมีสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสูง ต่อเงินฝากอยู่ที่ 37.4% และเกือบ 60% ของสินทรัพย์สภาพคล่องเป็นเงินสด และการ กู้ยืมระยะสั้นระหว่างธนาคารในตลาดเงิน ซึ่งแปลว่าธนาคารไทยมีความยืดหยุ่นมากกว่า และสามารถรับมือกับการไหลออกของเงินฝากได้ดีกว่า

 

ภาวะ Bank run ในสหรัฐอาจจะนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารไทย **

 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสภาพคล่องของทุกธนาคารยังไงก็มีไม่พอแน่นอนหากเจอ กระแสคนแห่ถอนเงิน ซึ่งจะทำให้ธนาคารล้มได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะธนาคารนั้นจะมี รากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งก็ตาม

 

ดังนั้น จึงเชื่อว่าภาวะ bank run ที่เกิดขึ้นใน สหรัฐจะเป็นเหมือน wake-up call สำหรับธนาคารไทยในการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเงิน ฝากโดยเฉพาะบัญชีCASA ในปีนี้ ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำไมผู้บริหารธนาคาร ต่าง ๆ มองแนวโน้ม NIM ปี 2566 ค่อนข้างระมัดระวัง และดึงความคาดหวังในเชิงบวก ของตลาดต่อ NIM เอาไว้ ฝ่ายวิจัยยังคงมองบวกกับกลุ่มธนาคารไทย และคาดว่าราคาหุ้นใน กลุ่มน่าจะดีดกลับในระยะสั้นหลังจากที่ผู้ฝากเงินในสหรัฐดูกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังได้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed แต่เนื่องจากภาวะตลาดยังไม่เอื้ออำนวย

 

และ ดูยังมีอุปสรรคทางด้านเศรษฐกิจมหภาค เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะกลับมาน่าสนใจได้อีก ครั้งก็ต่อเมื่อผลประกอบการ Q1/66 แสดงให้เห็นว่าธนาคารสามารถขยายสินเชื่อได้อย่าง แข็งแกร่ง และมี NIM ที่เพิ่มขึ้น

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง