รีเซต

RATCHร่วมชิงสายสีส้ม กำลังผลิตปีนี้ชน700เมก

RATCHร่วมชิงสายสีส้ม กำลังผลิตปีนี้ชน700เมก
ทันหุ้น
25 กุมภาพันธ์ 2565 ( 14:00 )
197

#RATCH #ทันหุ้น– RATCH จ่อบุ๊กส่วนแบ่งรายได้จากโรงไฟฟ้า 6 โครงการ เต็มปี หนุน EBITDA ทั้งปีประมาณ 2.5-3 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 700 เมกะวัตต์ กำเงินลงทุน 3 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการร่วมทุน เผยร่วมกับพันธมิตรเข้าประมูลสายสีส้ม, Rest Area, และมอเตอร์เวย์

 

นางสาวชูศรี  เกียรติขจรกุล  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ทั้งปี 2565 ประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท มาจาก 1.การรับรู้รายได้จากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า 6 โครงการเมื่อปี 2564 เต็มปีตามสัดส่วนการลงทุน ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าพลังงานลมยานดิน ประเทศออสเตรเลีย ถือหุ้น 70%รับรู้กำลังการผลิต 149.94 เมกะวัตต์ 2.โรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเล็กเตอร์ ถือหุ้น 100%กำลังการผลิต 226.80 เมกะวัตต์

 

3.โรงไฟฟ้าโคเจเนอเรชั่น ถือหุ้น 21.67% รับรู้กำลังการผลิต 124.95 เมกะวัตต์ 4.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม เรียว ประเทศอินโดนีเซีย ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน RHIS 49% เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งรายได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 5.โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอาซาฮาน-ประเทศอินโดนีเซีย ถือหุ้น 21.28% รับรู้กำลังการผลิต 38.30 เมกะวัตต์ และ 6.โรงไฟฟ้าสหโคเจนชลบุรี และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่ม รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 124.95 เมกะวัตต์ (บริษัทถือหุ้น 51.67%) ซึ่งเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งรู้รายได้การตั้งแต่มกราคม 2565

 

*จ่อ COD โครงการใหม่

พร้อมกันนี้ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น 700 เมกะวัตต์ หนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2565 ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี ระยองกำลังการผลิต 92 เมกะวัตต์ กำหนด COD เดือนเมษายน 2565  2.โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน ประเทศเวียดนามกำลังการผลิต 29.7 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ตามสัดส่วนถือหุ้น 51% กำหนด COD ไตรมาส 2/2565 และ 3.โรงไฟฟ้า ราชโคเจนเนอเรชั่น ส่วนต่อขยาย กำลังการผลิต 31.2 เมกะวัตต์ กำหนด COD ไตรมาส 4/2565

 

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อ-ควบรวมกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกอีกประมาณ 5 ดีล คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2565

 

*ลงทุนงบลงทุน 3 หมื่นล.

สำหรับปี 2565 บริษัทตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้า 28,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการใหม่ 26,500 ล้านบาท และโครงการเดิม 1,500 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอื่นนอกภาคการผลิตไฟฟ้า 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการใหม่ 1,400 ล้านบาท และโครงการเดิม 600 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์ 3-G (Growth, Green, Generate Strategy) ได้แก่ 1.มุ่งเน้นแสวงหาโอกาสเติบโตเพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่ากิจการเพิ่มในอนาคต  2.สนับสนุนพลังงานทดแทน โดยบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนปีละ 250 เมกะวัตต์ และจะต้องเพิ่มขึ้นให้ถึง 2,500 เมกะวัตต์ในปี 2568 และ 4,000 เมกะวัตต์ในปี 2578  และ 3.เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและความเป็นเลิศขององค์กร

 

*ลุยธุรกิจนอนพาวเวอร์

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสการเติบโตในกลุ่มธุรกิจนอกเหนือการผลิตไฟฟ้า (Non Power Business) อย่างต่อเนื่องโดยในปี 2565 นี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือมีกำหนดทยอยเปิดให้บริการประมาณปลายไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป, โรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง ในสปป.ลาว บริษัทถือหุ้น 25% มีกำหนดจำหน่ายเชื้อเพลิงให้กับประเทศญี่ปุ่นภายในไตรมาส 4/2565 ระยะเวลาสัญญา 15 ปีจำหน่ายปีละ 1 ล้านตัน

 

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจศึกษาและเตรียมเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์), โครงการมอเตอร์เวย์, รวมถึงโครงการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) บนมอเตอร์เวย์ ที่มีแผนจะเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง