หุ้นสหรัฐฯบวก 3 วันต่อเนื่อง AVGO +2.28% - NVDA +1.50%
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการครึ่งวัน และสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกัน โดยดัชนี Dow Jones +0.9%, S&P500 +1.1% และ Nasdaq Composite +1.4% ซึ่งดัชนี S&P 500ได้รับแรงหนุนหลักจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่ม Consumer Discretionary (+2.6%), Financials (+1.2%) และ Information Technology (+1.0%) หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดย Broadcom (AVGO US) +2.28%, AMD (AMD US) +1.51%, Nvidia (NVDA US) +1.50% และ Marvell (MRVL US) +1.26% หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มการสอบสวนการค้าชิปจากจีนโดยเฉพาะชิปรุ่น “Legacy” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าที่นิยมใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เช่น รถยนต์ เครื่องซักผ้า และ อุปกรณ์โทรคมนาคม การสอบสวนครั้งนี้ดำเนินการภายใต้ Section 301 ของกฎหมาย Trade Act of 1974 ซึ่งอาจนำไปสู่การกำหนดภาษีนำเข้าชิปจากจีนเพิ่มเติม
การประท้วงของพนักงาน Starbucks ในสหรัฐฯขยายวงกว้างไปยังมากกว่า 300 สาขาในวันอังคารที่ผ่านมา โดยพนักงานมากกว่า 5,000คนที่คาดว่าจะหยุดงานก่อนที่การประท้วงซึ่งกินเวลา 5วันจะสิ้นสุดลงในวันคริสต์มาสอีฟ ตามคำแถลงของสหภาพแรงงาน Starbucks Workers United ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานใน 525 สาขาทั่วประเทศ สหภาพแรงงานระบุว่าในวันจันทร์มีร้าน Starbucks มากกว่า 60 สาขาใน 12เมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส บอสตัน และซี แอตเทิล ต้องปิดทำการการเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจของพนักงานในประเด็นต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายกดดันให้บริษัทปรับปรุงสภาพการจ้างงานและเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินงานในช่วงเทศกาลที่มีความต้องการสินค้าและบริการสูงเป็นพิเศษ
รัฐบาลจีนวางแผนออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน ($4.1 แสนล้าน) ในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ 1 ล้านล้านหยวน เงินทุนดังกล่าวราว 1.3 ล้านล้านหยวน จะถูกใช้เพื่อสนับสนุนการบริโภค อีกราว 1 ล้านล้านหยวน ใช้ในการลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การพัฒนา อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า และส่วนที่เหลือใช้เพื่อการเพิ่มทุนให้กับธนาคารรัฐขนาดใหญ่ โดยทาง Bloomberg ระบุว่ามาตรการกระตุ้นทางการคลังนี้จะเท่ากับ 2.6% ของ GDP ปี 2566ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของ UBS, BNP Paribas และ Goldman Sachs ที่อยู่ระหว่าง 1.8% - 2% ของ GDP
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจีนมีแผนขยายงบประมาณขาดดุลเป็น 4% ของ GDP ในปี 2568 จาก 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ในปี 2537
ด้านดัชนี Richmond Fed Manufacturing ในเดือน ธ.ค. หดตัวลดลงที่ -10 จุด (เท่ากับที่ตลาด คาด) จาก -14 จุด ในเดือนก่อน ขณะที่รายงานจาก Redbook ระบุว่ายอดขายร้านเดิม (Same Store Sales) เพิ่มขึ้น 5.9%เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สูงขึ้นจาก 4.8% สัปดาห์ก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทั่วประเทศ
ฝ่ายกลยุทธ์ฯ ยังคงแนะนำถือหุ้นสหรัฐฯที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หลังจากที่ได้แนะนำให้ทยอยสะสม ในช่วงที่ตลาดมีการย่อตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะหุ้นที่มีผลประกอบการเด่นและสอดคล้องกับธีมการลงทุนที่แนะนำในเอกสาร ASPS Weekly Global Strategy
วันนี้สหรัฐฯมีรายงานตัวเลข Initial Jobless Claims สิ้นสุดสัปดาห์ที่ 21 ธ.ค. (ตลาดคาด 223k ตำแหน่ง vs. สัปดาห์ก่อน 220k ตำแหน่ง)
ดัชนี Hang Seng Index (HSI)+1.1%, Hang Seng China Enterprises (HSCE) +1.3% และ Hang Seng TECH (HSTECH) +1.1% หลังมีรายงานว่าจีนเตรียมออกพันธบัตรพิเศษ (Special Bonds) มูลค่า 3 ล้านล้านหยวน ในปี 2568 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยได้รับแรงหนุนจากลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรงได้แก่ Industrial (+1.5%), Property & Construction (+1.4%) และ Energy (+1.4%)
รายงานจาก Canalys ระบุว่า การใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของจีนในไตรมาส 3 ปี 2567 กลับมาเติบโตเลขสองหลักที่ $1.0 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 11% YoY โดยผู้ให้บริการคลาวค์รายใหญ่ 3 รายยังคงครองส่วนแบ่งตลาดรวม 70% ได้แก่ Alibaba Cloud (36%), Huawei Cloud (19%) และ Tencent Cloud (15%)
Tencent (700 HK) -0.1% ขณะที่บริษัทมีการเปิดตัวฟังก์ขัน "Gifting" บนแพลตฟอร์ม WeChat เพิ่มความสะดวกในการมอบของขวัญผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมช่วยขยายช่องทางการขายและเพิ่มโอกาสสำเร็จ (Success Rate) ให้กับผู้ค้า โดยบริษัทหลักกรัพย์ Haitong International มองว่าฟังก์ชั้นนี้ตอบโจทย์ทั้งในด้านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสำหรับผู้ใช้ และช่วยลดอุปสรรคในการเริ่มต้นสำหรับผู้ค้า