รีเซต

3 ปี คดีแตงโม จากคืนตกเรือ สู่คำพิพากษา ‘พยานไม่พอ’

3 ปี คดีแตงโม จากคืนตกเรือ สู่คำพิพากษา ‘พยานไม่พอ’
TNN ช่อง16
23 พฤษภาคม 2568 ( 17:36 )
9

คดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา จากเหตุพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาในปี 2565 ไม่เพียงสร้างความเศร้าโศก แต่ยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของข้อสงสัยในสังคมที่ยืดยาวตลอดสามปีต่อมา

หลังการสอบสวน การสืบพยาน และกระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยส่วนใหญ่ในปี 2568 โดยระบุว่า “พยานไม่เพียงพอ” ขณะเดียวกัน สังคมยังคงมีคำถามที่ต้องการคำตอบ บทความนี้จะพาย้อนรอยทุกขั้นตอนของคดี และประเด็นที่ยังทิ้งร่องรอยไว้ในความรับรู้ของสาธารณะ.


คืนเกิดเหตุและการค้นหา

คืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 นักแสดงชื่อดัง แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตขณะล่องแม่น้ำเจ้าพระยากับกลุ่มเพื่อนในช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. เหตุเกิดบริเวณใกล้สะพานพระราม 7 หลังการค้นหาโดยทีมกู้ภัยร่วมสองวัน จึงพบร่างของแตงโมลอยห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ในช่วงบ่ายวันที่ 26 กุมภาพันธ์

เบื้องต้น สถาบันนิติเวชวิทยา ระบุว่าแตงโมเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเนื่องจากจมน้ำ ไม่พบร่องรอยบาดแผลที่บ่งชี้ถึงการถูกทำร้าย ยกเว้นแผลขนาดใหญ่บริเวณต้นขาซ้าย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบต่อว่ามีสาเหตุมาจากใบพัดเรือหรือวัตถุอื่น การชันสูตรเพิ่มเติมโดยทีมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ข้อสรุปใกล้เคียงกัน โดยระบุว่าไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงก่อนเสียชีวิต

การสอบสวนและสรุปสำนวน

ตลอดเดือนมีนาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้เรียกสอบปากคำบุคคลที่อยู่บนเรือทั้งหมด พร้อมนำผู้เกี่ยวข้องจำลองเหตุการณ์บริเวณท่าเรือ จ.นนทบุรี เพื่อวิเคราะห์ลำดับเหตุการณ์ ขณะเดียวกันมีการตรวจสอบคลิปวงจรปิด เอกสารใบอนุญาตการใช้เรือ และพยานหลักฐานอื่นอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 26 เมษายน 2565 ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงสรุปสำนวนการสอบสวน โดยระบุว่ารวบรวมพยานรวมกว่า 124 ปาก และพยานวัตถุประมาณ 88 รายการ พร้อมส่งสำนวนความยาวกว่า 2,000 แผ่นให้พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ดำเนินการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลบนเรือ 5 คน และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการหลังเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาแต่ละรายถูกตั้งข้อหาตามบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น ความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ใช้เรือผิดประเภท ไม่มีใบอนุญาตแจ้งการเดินเรือ ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ ทำลายหลักฐาน และแจ้งความเท็จ

คำรับสารภาพ และแยกการพิจารณาคดี

เดือนสิงหาคม 2565 อัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลจังหวัดนนทบุรี และเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในเดือนกันยายน โดยในช่วงต้นปี 2566 จำเลย 2 รายในกลุ่มผู้ขับและควบคุมเรือ ได้เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพในชั้นศาล และยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ศาลจึงมีคำสั่งแยกสำนวนการพิจารณาออกจากกลุ่มจำเลยที่เหลือ

เดือนพฤษภาคม 2566 ศาลมีคำพิพากษาจำเลยทั้งสองในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และความผิดอื่นตาม พ.ร.บ.เดินเรือ โดยให้ลงโทษจำคุกและปรับ แต่ให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 3 ปี พร้อมให้บำเพ็ญประโยชน์และรายงานตัวตามเงื่อนไข

การสืบพยานต่อเนื่อง และความพยายามยื่นเรื่องใหม่

สำหรับจำเลยอีก 4 รายที่ยังให้การปฏิเสธ ศาลได้ดำเนินการไต่สวนพยานต่อเนื่องตลอดปี 2566 จนถึงต้นปี 2568 โดยมีการนำสืบทั้งพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการเปิดคลิปเสียง ข้อความ และหลักฐานทางเทคนิคต่างๆ

ขณะเดียวกัน ฝ่ายภาคประชาชนมีความพยายามนำหลักฐานใหม่เสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณารับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยอ้างว่าอาจมีประเด็นใหม่ที่ยังไม่ปรากฏในสำนวนเดิม อย่างไรก็ตาม DSI ยังไม่มีคำสั่งรับเป็นคดีพิเศษ โดยระบุว่าไม่มีข้อมูลใหม่เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของคดีเดิม

คำพิพากษาศาลนนทบุรี 23 พฤษภาคม 2568

วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาคดีของจำเลยที่เหลืออีก 4 ราย โดยพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏไม่เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลย 3 ราย คือบุคคลที่อยู่ท้ายเรือและผู้จัดการส่วนตัวของผู้เสียชีวิต มีบทบาทหรือมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การพลัดตกเรือของแตงโม ศาลจึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสาม

ส่วนจำเลยอีก 1 ราย ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานแจ้งความเท็จและทิ้งสิ่งของลงแม่น้ำ โดยให้ลงโทษจำคุกรวม 6 เดือน ปรับ 24,000 บาท และรอการลงโทษไว้ 1 ปี โดยมีเงื่อนไขไม่กระทำผิดซ้ำ

บทสรุปจากคำพิพากษา กับคำถามที่ยังคงอยู่

คำพิพากษาคดีแตงโมถือเป็นจุดสิ้นสุดในทางกฎหมายของคดีที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนตลอดกว่า 3 ปี กระบวนการสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน และการดำเนินคดีในชั้นศาล เป็นไปตามหลักกฎหมายที่กำหนดให้ศาลต้องใช้หลักเกณฑ์ “หากมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย”

ในทางกลับกัน คดีนี้ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างถึงประเด็นการเก็บหลักฐานในสถานการณ์เฉพาะ เช่น คดีที่เกิดในพื้นที่น้ำและไม่มีประจักษ์พยาน โดยเฉพาะเมื่อข้อเท็จจริงหลายอย่างต้องอาศัยพยานบุคคลซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เพียงไม่กี่คน และอาจมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกันโดยตรง

ในระยะยาว คดีแตงโมจึงไม่ได้จบเพียงในห้องพิจารณา แต่ได้ทิ้งบทเรียนสำคัญไว้ให้หน่วยงานรัฐเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของไทยต่อไป.

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง