"บวรศักดิ์" ย้ำรัฐบาลไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือการเมือง

วันที่ 29 กันยายน 2568 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาล โดยขออนุญาตตอบคำถามจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทิศทางการทำงานของรัฐบาล
ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ
นายบวรศักดิ์ยืนยันว่า นโยบายรัฐบาลเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะนำผลการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยยึดเสียงของประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ต้องสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และยังคงรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่สนับสนุนให้มีการจัดทำฉบับใหม่โดยกระบวนการประชามติ
นายบวรศักดิ์ อธิบายเป็นขั้นตอนว่า ขั้นแรก ต้องให้ประชาชนลงประชามติในคำถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ หากเห็นชอบจึงเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือพิจารณาหมวด 15/1 ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ว่าจะสอดคล้องกับบทบัญญัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญและไม่กระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคการเมืองขนาดใหญ่ เช่น พรรคภูมิใจไทย และอีกพรรคหนึ่ง ยืนยันแล้วว่าจะไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ส่วนเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นยังพูดไม่ชัด และจำเป็นต้องทำประชาคมก่อน แต่ย้ำว่ารัฐบาลไม่แตกแถวเพราะพูดชัดเจนแล้วว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องดำเนินไปตามขั้นตอนเท่านั้น
ประเด็นประชามติและ MOU ไทย–กัมพูชา
นายบวรศักดิ์เปิดเผยว่า การจัดทำประชามติแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 6,000 ล้านบาท ตามที่ กกต. ประเมิน เพื่อความประหยัด รัฐบาลจึงจะจัดประชามติควบคู่กับการเลือกตั้งทั่วไปหลังการยุบสภา โดยประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 4 ใบ ได้แก่ ใบแรกเลือก สส. เขต ใบที่ 2 เลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ ใบที่ 3 สำหรับการลงประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ และใบที่ 4 คือ ประชาชนจะให้ยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชาหรือไม่
นายบวรศักดิ์ ให้เหตุผลว่า เรื่องสำคัญเช่นนี้ไม่ควรให้รัฐบาลเฉพาะกิจตัดสินใจเอง แต่ควรขอฉันทานุมัติจากประชาชนตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ หากประชาชนต้องการยกเลิก รัฐบาลก็ต้องยกเลิก แต่หากประชาชนเห็นว่าควรเก็บไว้ รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย
ประเด็นการแต่งตั้งผู้บริหาร
รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายกล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงที่รัฐบาลรักษาการก่อนหน้าเสนอขึ้นมา โดยยืนยันว่ารัฐบาลใหม่ไม่มีเจตนาจะดึงกลับหรือแทรกแซง แต่ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียืนยันการแต่งตั้งทุกตำแหน่งเกือบ 10 ตำแหน่งตามที่เสนอขึ้นมาแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจว่าไม่มีการยกเลิกมติ ครม. เดิมเพื่อนำพรรคพวกทางการเมืองเข้ามาแทนที่
ประเด็นกระบวนการยุติธรรม
นายบวรศักดิ์ยังกล่าวว่า ขณะตัดสินใจเข้าร่วม ครม. ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีรับปากว่า เรื่องที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เช่น คดีเขากระโดง การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา หรือการทำงานขององค์กรอิสระ ต้องปล่อยให้ดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลแถลงชัดเจนว่าจะไม่ใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง
บทเรียนในอดีตเคยมีการนำหน่วยงานอย่าง ปปง. ไปตรวจสอบบุคคลที่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง รวมทั้งวางกลไกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บางตำแหน่งในราชการ แต่ท้ายที่สุดกลับถูกแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลนี้จะไม่ทำเช่นนั้นอีก
พร้อมกันนี้ นายบวรศักดิ์เสนอว่า อาจต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามากำกับการใช้ดุลพินิจให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานรัฐตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง และขอความร่วมมือจากทั้ง สส. และ สว. ให้ร่วมกันตรวจสอบ โดยไม่ใช่การแทรกแซง แต่เพื่อยืนยันหลักการใช้อำนาจอย่างสุจริต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
