รีเซต

ICHIออกเครื่องดื่มใหม่ ยอดขายแตะ6.5พันล.

ICHIออกเครื่องดื่มใหม่ ยอดขายแตะ6.5พันล.
ทันหุ้น
11 มีนาคม 2565 ( 07:10 )
220
ICHIออกเครื่องดื่มใหม่ ยอดขายแตะ6.5พันล.

#ICHI #ทันหุ้น – ICHI ตั้งเป้ายอดขายรวมปี 2565 ที่ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เน้นเติบโตจากในประเทศเป็นหลัก ควบคู่กลับเข้าไปทำตลาดในประเทศลาว และกัมพูชา เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3-4 รายการ ช่วงครึ่งปีหลัง ด้านเครื่องดื่มผสม CBD รอ อย. สรุปส่วนผสมที่ชัดเจน ส่วนธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งเป้ายอดขาย 6.6 ล้านลัง หลังได้พันธมิตรรายใหม่ เล็งเป็นฐานส่งออกไปสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเกาหลี

 

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI กล่าวว่า สำหรับปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ 6,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 5228.3 ล้านบาท โดยจะยังคงกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกแบบเฉพาะเจาะจงเข้าสู่เป้าหมายแต่ละกลุ่ม ทั้งลูกค้าทั่วไปและกลุ่ม Traditional Trade ให้ครอบคลุมมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันยังคงมองหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งในประเทศ อาทิ ร่วมมือกับแบรนด์อาหารชั้นนำ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2565 นี้ ควบคู่กับการรุกช่องทางการตลาดออนไลน์ จากฐานแฟนคลับกว่า 15 ล้านราย โดยจะใช้ความชำนาญการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคของ บริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (Predictive) นำ Big Data เหล่านั้นมาประกอบการทำโปรโมชั่นแบบเฉพาะเจาะจงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

พร้อมกันนี้ บริษัทจะเริ่มกลับมารุกตลาดต่างประเทศทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะกัมพูชา ที่เริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา และสปป.ลาว ซึ่งจะทดลองส่งออกผลิตภัณฑ์ “ไบเล่ย์” ขนาดราคา 10 บาท เข้าไปทำตลาด

 

“บริษัทยังคงเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่ม โดยเฉพาะ “รสชาติน้ำผึ้งมะนาว” ที่เป็นรสชาติยอดนิยมให้เป็นเรือธง รวมถึงจะยกระดับชาเขียว “ชิซึโอกะ” ด้วยการร่วมมือ (Collaboration) กับแบรนด์อาหารชั้นนำเพื่อตอกย้ำความเป็น “พรีเมียม” คาดว่าจะชัดเจนภายในไตรมาส 2/2565 ขณะเดียวกันก็จะใช้สื่อ และงบการตลาดให้มีศักยภาพมากขึ้นโดยจะทำการตลาดในเชิงวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคโดยใช้ความเชี่ยวชาญของ “พรีดิกทิฟ” มากำหนดกลยุทธ์การตลาด”

 

*ออกผลิตภัณฑ์ใหม่

 

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ อาทิ 1.เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ CBD ซึ่งอยู่ระหว่างรอว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าจะกำหนดให้มี CBD ได้ในปริมาณเท่าไหร่ต่อส่วนผสม 1 ขวด 2.น้ำด่าง ซึ่งปัจจุบันได้รับความชัดเจนจากทาง อย. แล้ว และเตรียมวางแผนการตลาด คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป

 

3.ชาไทย ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทอยู่ระหว่างปรับสูตรให้เหมาะสมกับกับผู้บริโภคในประเทศเพื่อเตรียมวางจำหน่ายในประเทศไทย และ 4.กลุ่มเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) ที่อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 3/2565

 

ด้านธุรกิจใหม่ เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทได้แจ้งเข้าลงทุนในบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (Predictive) ผู้เชี่ยวชาญในด้าน Data Analytics, User Experience และ SEO เพื่อที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพการการตลาดในยุคดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในปี 2557 อีกด้วย

 

สำหรับ ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ปัจจุบันมีลูกค้า 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป ขณะที่อิชิตัน อินโดนีเซีย ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 2565 6.6 ล้านลัง หนุนจากการที่บริษัทได้ผู้รับจ้างผลิตรายใหม่คาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าให้กับบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้จะใช้ประเทศอินโดนีเซียเป็นฐาน ส่งออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และเกาหลีอีกด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลกำไรทั้งปี 2565 เข้ามาที่บริษัทประมาณ 75 ล้านบาท

 

*ยอดขาย Q1 โต 28%

 

ทั้งนี้บริษัทประเมินยอดขาย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมาพบว่าเพิ่มขึ้นจาก YoY และ QoQ เบื้องต้นจึงประเมินว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2565 ยอดขายมีแนวโน้มจะขยายตัวประมาณ 28%

 

สำหรับ กรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท โดยการสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ (พลาสติก) เมื่อปลายปี 25645 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนปรับขึ้นมาราว 3.2% ทั้งนี้หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2565 และราคาน้ำมันยังคงเร่งขึ้นต่อเนื่อง บริษัทต้องมาประเมินต้นทุนอีกครั้ง

 

“หากภายในเดือนมิถุนายนนี้ ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง ตอนนั้นคงต้องมาประเมินผลกระทบกันใหม่อีกรอบ และถ้าสถานการณ์ถึงขั้นแบบนั้นคงต้องโดนผลกระทบหนักหนากันหมด อย่างไรก็ตามหากยอดขายยังโตได้ในระดับนี้ ก็คาดว่าจะยังคงทำยอดขายรวมได้ตามเป้าหมายแน่นอน แต่กำไรก็คงต้องไปวัดกันอีกครั้ง”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง