รีเซต

"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" พลิกโฉม "คุนหมิง" เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ไทย

"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" พลิกโฉม "คุนหมิง" เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ไทย
TNN ช่อง16
19 พฤษภาคม 2567 ( 13:04 )
27
"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" พลิกโฉม "คุนหมิง" เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ไทย

งานสัมมนาส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมจีน (คุนหมิง) – ไทย ณ อาคารหอการค้าไทย-จีน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดย ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒนา ผู้แทนการค้าไทย ได้เป็นประธานเปิดงานสัมมนาครั้งนี้ ร่วมด้วยนายหลิว หง เจี้ยน คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลยูนนานและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเทศบาลเมืองคุนหมิง นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน และนายหวัง ย่า คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองคุนหมิง และรองนายกเทศมนตรี เมืองคุนหมิง ตลอดจนผู้ประกอบการไทยและจีน



ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒนา เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานและมั่นคงระหว่างประเทศไทยและจีน ซึ่งไม่เพียงเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงด้านวัฒนธรรม การศึกษา และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้วย แม้ทั้งสองประเทศจะต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การแข่งขันในตลาดโลก และสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวน แต่ความร่วมมือระหว่างกันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ



ผู้แทนการค้าไทยยังชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของเมืองคุนหมิงที่ตั้งอยู่จุดยุทธศาสตร์ใจกลางของ 3 วง ได้แก่ วงการค้าเสรีอาเซียน วงความร่วมมือทางเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล โดยเฉพาะการเชื่อมโยงของโครงข่ายรถไฟจีน-ลาว-ไทย (รางมาตรฐาน) ที่จะส่งเสริมให้คุนหมิงมีบทบาทเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคมากขึ้น ขณะที่ไทยเองก็เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของอาเซียนและเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญ รัฐบาลไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับคุนหมิงเพื่อผลักดันการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและขจัดอุปสรรคในการค้าการลงทุน 



ผู้แทนการค้าไทยได้เสนอความร่วมมือเพิ่มเติมระหว่างไทยและคุนหมิงใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 


1) ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยการใช้ประโยชน์จาก RCEP และความตกลงการค้าเสรี ขจัดอุปสรรคการลงทุน โดยเน้นในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ และเศรษฐกิจ BCG รวมถึงเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและแนวระเบียงเศรษฐกิจ 


2) ด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผ่านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI ยาชีวภาพ และเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อนำผลงานวิจัยไปเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์และสร้างโอกาสให้ธุรกิจ 


3) ด้านการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ควรผลักดันให้เกิดการเดินทางไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น ตลอดจนความร่วมมือด้าน soft power ทั้งอาหาร กีฬา แฟชั่น ภาพยนตร์ วัฒนธรรม บริการและการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในระยะยาว



ท้ายนี้ ผู้แทนการค้าไทยยังหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้บริษัทไทยได้ขยายตลาดและสร้างพันธมิตรใหม่ๆ ในเมืองคุนหมิง ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างกันเพื่อผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนและมั่นคง และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยและจีนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น


การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของไทยและจีนในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเสริมกันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและมั่นคงของทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคต



ข่าวที่เกี่ยวข้อง