รีเซต

Shield AI เปิดตัว X-BAT โดรนรบไร้คนขับ VTOL ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ลำแรกของโลก

Shield AI เปิดตัว X-BAT โดรนรบไร้คนขับ VTOL ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ลำแรกของโลก
TNN ช่อง16
24 ตุลาคม 2568 ( 14:06 )
67

วันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมาบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) บริษัทเทคโนโลยีเชิงลึกที่ได้รับการสนับสนุนจากกิจการร่วมค้า ได้ประกาศเปิดตัว X-BAT อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นโดรนรบไร้คนขับที่บินขึ้นลงในแนวดิ่ง (VTOL) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI-piloted) และถือเป็นโดรนรบไร้คนขับ VTOL ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ลำแรกของโลก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับปฏิบัติการทางทะเลและปฏิบัติการเชิงรุกในสภาพแวดล้อมที่มีการต่อสู้ เช่น สงคราม

โดรนรบไร้คนขับ X-BAT มีลักษณะเป็นอากาศยานรบแบบร่วมมือ (Collaborative Combat Aircraft - CCA) การเปิดตัวเกิดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีผู้นำทางทหาร และพันธมิตรในอุตสาหกรรมเข้าร่วมรับชม โดย X-BAT แสดงถึงการขยายขีดความสามารถของบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) ไปสู่กลุ่มโดรนขนาดใหญ่ Group 5 ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 1,320 ปอนด์ หรือ 599 กิโลกรัม

เทคโนโลยีหัวใจสำคัญ คือ ไฮฟ์มายด์ (Hivemind)

หัวใจของโดรนรบไร้คนขับ X-BAT คือ ซอฟต์แวร์ไฮฟ์มายด์ (Hivemind) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่ใช้ AI ของบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) ซอฟต์แวร์นี้ออกแบบมาเพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถบินได้ในสภาวะที่การสื่อสารถูกปฏิเสธ ถูกลดทอน หรือถูกจำกัด

ซอฟต์แวร์ไฮฟ์มายด์ (Hivemind) ช่วยให้ X-BAT สามารถเจาะทะลุพื้นที่สมรภูมิที่มีการต่อสู้ได้อย่างอิสระ โดยสามารถทำงานร่วมกับเครื่องบินที่มีคนขับได้อย่างราบรื่น และดำเนินการทางยุทธวิธีร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้ X-BAT สามารถทำหน้าที่เป็น เครื่องบินปีกโดรนดิจิทัล (Digital wingman) หรือเป็นสินทรัพย์แบบสแตนด์อโลนได้อย่างสมบูรณ์

คุณสมบัติหลักของ X-BAT ประกอบด้วย

1. โดรนรบไร้คนขับ VTOL พิสัยการบินระยะไกลเป็นแพลตฟอร์มเดียวในระดับเดียวกันที่บินได้ไกลมากกว่า 2,000 ไมล์ทะเล หรือ 3,704 กิโลเมตร พร้อมบรรทุกน้ำหนักภารกิจเต็มรูปแบบ ทำให้สามารถปฏิบัติการได้จากเรือ เกาะ หรือสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย

2. มัลติโรล (Multirole) สามารถทำภารกิจ โจมตี ต่อต้านอากาศ สงครามอิเล็กทรอนิกส์ และภารกิจข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR)

3. ขนาดของโดรนรบไร้คนขับ X-BAT สามารถบรรจุได้สูงสุดสามลำในพื้นที่ดาดฟ้าของเครื่องบินขับไล่หรือเฮลิคอปเตอร์รุ่นเก่าเพียงลำเดียว โดยมีปีกกว้าง 39 ฟุต หรือ 12 เมตร และลำตัวยาว 26 ฟุต หรือ 8 เมตร

4. การออกแบบเพื่อความอยู่รอดในภารกิจสูง (Survivability by design) มีความเป็นอิสระ ยุทธวิธีที่ปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งช่วยให้ประสบความสำเร็จในภารกิจในสภาพแวดล้อมที่มีการต่อสู้ ตัวเครื่องมีห้องเก็บอาวุธภายในเพื่อลดการตรวจจับด้วยเรดาร์

5. ระบบส่งกำลังระดับเครื่องบินขับไล่ ซึ่งมีรายงานว่าใช้เครื่องยนต์ F-16 ซึ่งอาจทำให้มีความเร็วสูงถึง Mach 1.2

6. ราคาที่สามารถเข้าถึงได้และใช้แล้วทิ้งได้ (Affordable and attritable) โดรนรบไร้คนขับ X-BAT ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ประสิทธิภาพระดับเครื่องบินขับไล่ แต่มีต้นทุนการจัดซื้อและการใช้งานตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำกว่าเครื่องบินขับไล่รุ่นยุคที่ 5

วิสัยทัศน์เพื่อการป้องปราม

แบรนดอน เซ็ง (Brandon Tseng) ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน และอดีตหน่วย Navy SEAL ของบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) กล่าวว่า "ภารกิจของบริษัท คือ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ต้องการสงคราม" 

และเขาเสริมว่า "X-BAT เป็นการขยายขีดความสามารถในการทำสงครามของสหรัฐฯ และพันธมิตรผ่านอากาศยานที่ไม่ต้องใช้รันเวย์"

“การมีอำนาจทางอากาศโดยไม่มีรันเวย์ คือ จอกศักดิ์สิทธิ์ของการป้องปราม (Holy grail of deterrence) ... มันมอบความคงทน การเข้าถึง และความอยู่รอดให้กับกองกำลังของเรา และซื้อเวลาสำหรับการเจรจาทางการทูตอีกวัน”

สำหรับบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยมีภารกิจในการปกป้องบุคลากรทางทหารและพลเรือนด้วยระบบอัจฉริยะ. นอกเหนือจาก X-BAT แล้ว ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัท ได้แก่ เครื่องบิน V-BAT, โดรน ISR และการกำหนดเป้าหมาย, Hivemind Enterprise, และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hivemind Vision ซึ่งรวมถึง ViDAR, Tracker, และ Tracker C-UAS

โดรนรบไร้คนขับ X-BAT อยู่ระหว่างการพัฒนามา 18 เดือน และมีกำหนดการบิน VTOL ครั้งแรกในปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการใช้งานจริงในปี 2028 ปัจจุบันบริษัท ชิลด์ เอไอ (Shield AI) มีสำนักงานและโรงงาน 9 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก และเทคโนโลยีของบริษัทกำลังสนับสนุนปฏิบัติการทั่วโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง