รีเซต

สังเวียนเลือกตั้งกลางเทอม ศึกชี้ชะตาอำนาจในมือ ‘โจ ไบเดน’

สังเวียนเลือกตั้งกลางเทอม ศึกชี้ชะตาอำนาจในมือ ‘โจ ไบเดน’
TNN ช่อง16
8 พฤศจิกายน 2565 ( 15:53 )
48
สังเวียนเลือกตั้งกลางเทอม ศึกชี้ชะตาอำนาจในมือ ‘โจ ไบเดน’


---ชี้ชะตาเลือกตั้งกลางเทอม---


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับบททดสอบสำคัญในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะเกิดขึ้นวันอังคาร (8 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น หลังดำรงตำแหน่งผู้นำมาได้ 2 ปี จากวาระทั้งหมด 4 ปี ซึ่งพรรคเดโมแครตอาจเจอกับอุปสรรคใหญ่ หากไม่สามารถคว้าชัยในครั้งนี้ได้


การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ ทั้งหมด 435 ที่นั่ง ซึ่งพรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งอย่างน้อย 218 ที่นั่ง จะได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง โดยปัจจุบันพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ 


รวมถึงยังมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 35 ที่นั่งที่หมดวาระในการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง โดยพรรคที่คว้าที่นั่งอย่างน้อย 51 ที่นั่งจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาสูง ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ด้วยเช่นกัน


ขณะที่โพลเลือกตั้งกลางเทอมของหลายสำนัก คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่พรรครีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาฯ โดยมีความได้เปรียบจากประเด็นทางเศรษฐกิจ ความหวาดกลัวต่ออาชญากรรม และการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย


อย่างไรก็ตาม อาจเกิดการพลิกโพลขึ้นได้ หลังคำตัดสินของศาลสูงสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คว่ำสิทธิการทำแท้ง หรือ Roe v Wade ซึ่งส่งผลให้เกิดการประท้วงในรัฐแคนซัส และจุดประเด็นเรื่องการเลือกตั้งในหมู่สตรีทั่วประเทศ



---เงินเฟ้อพุ่งสูง vs สิทธิในการทำแท้ง---


ช่วงที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งยังดำเนินอยู่ สองพรรคใหญ่ต่างใช้เงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับโฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ พบปะประชาชนตามบ้าน และการรณรงค์หาเสียงพร้อมนักการเมืองประจำท้องถิ่น


New York Times รายงานว่า พรรคเดโมแครตใช้เงินเกือบ 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับโฆษณาทางทีวีที่เน้นเรื่องสิทธิในการทำแท้ง ซึ่งมากกว่าที่ใช้โฆษณาเรื่องเงินเฟ้อถึง 10 เท่า


ขณะที่โพลยังแสดงให้เห็นว่า ประเด็นด้านเศรษฐกิจยังคงเป็นความกังวลหลัก ๆ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยชี้ว่าความโกรธเคืองต่อประเด็นการทำแท้ง อาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้พรรคเดโมแครตคว้าชัยได้


เอเลน คามาร์ก อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ระบุว่า การเลือกตั้งกลางเทอมเป็นการแข่งขันระหว่างเงินเฟ้อกับสิทธิการทำแท้ง และเดโมแครตคิดว่าประเด็นการทำแท้งจะทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น


คามาร์ก กล่าวเสริมว่า คะแนนเสียงของผู้หญิงเป็นกุญแจสำคัญ แต่หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยไปครอง “พรรคเดโมแครตจะมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย อย่างเช่น พรรคประเมินประเด็นการทำแท้งสูงเกินไป และประเมินเรื่องเศรษฐกิจต่ำเกินไปหรือไม่”


---ชิงชัยใน Swing State---


 นักวิจารณ์บางคนเชื่อว่า เดโมแครตประเมินเรื่องเศรษฐกิจต่ำเกินไป หนึ่งในนั้นคือ บัค อดีตผู้ช่วยพรรครีพับลิกัน 


“ไม่แปลกใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ อย่างเงินเฟ้อ และราคาก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ย่อมลงคะแนนให้กับพรรครีพับลิกัน” บัค กล่าว


อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อและความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นหัวใจสำคัญในการอภิปรายของพรรครีพับลิกัน ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการเลือกตั้ง


ส่วนการหาเสียงครั้งสุดท้ายของไบเดน แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปกป้องฐานเสียงในรัฐที่พรรคเดโมแครตครองคะแนนอยู่แล้ว อาทิ แคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์ และนิวเม็กซิโก รวมถึงรัฐที่ทั้งสองพรรคมีคะแนนเสียงสูสีกัน หรือ Swing State อย่างรัฐเพนซิลเวเนีย


---เลือกตั้งกลางเทอมสู่เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024---


ผลการเลือกตั้งกลางเทอมมักถูกมองว่า เป็นการลงประชามติต่อประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง หากประธานาธิบดีมีคะแนนนิยมต่ำกว่า 50% พรรครัฐบาลมักจะเสียที่นั่งในรัฐสภา


ขณะที่ ผลสำรวจของ Reuters/Ipsos ระบุว่า ไบเดนมีคะแนนนิยมต่ำกว่า 50% มานานกว่าหนึ่งปี โดยตกมาอยู่ที่ 40% และล่าสุด (วันที่ 7 พฤศจิกายน) คะแนนนิยมของไบเดน หล่นมาอยู่ที่ 39% นอกจากนี้ ในการสำรวจเดียวกันยังเผยว่า 69% ของชาวอเมริกันเชื่อว่าประเทศกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง และมีเพียง 18% เท่านั้นที่บอกว่ามาถูกทาง


แต่ไม่ว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร คาดการณ์เกี่ยวกับการประกาศลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2024 ก็มีแนวที่จะเริ่มขึ้นก่อนเสร็จสิ้นการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้


หากพรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ ไบเดนอาจต้องเผชิญกับเสียงเรียกร้องจากพรรคฝ่ายซ้าย เพื่อยืนยันว่าเขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย 


ด้าน “ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 76 ปี เตรียมประกาศข่าวใหญ่ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ที่มาร์ อะ ลาโก ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ซึ่งก็คาดกันว่า ข่าวที่ทรัมป์จะประกาศ คือ การลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย


ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ประกาศในช่วงเวลานี้ ทรัมป์ให้เหตุผลว่า เขาไม่ต้องการให้มีสิ่งใดมาเบี่ยงเบนความสำคัญของการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมีขึ้นในวันอังคารนี้ (8 พฤศจิกายน) ตามเวลาในสหรัฐฯ ตรงกับช่วงค่ำวันนี้ ตามเวลาในไทย

————

แปล-เรียบเรียง: พัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

123


ข่าวที่เกี่ยวข้อง