อุทยานฯ เขาแหลม ปิดประกาศคำสั่งรื้อ รีสอร์ต "กระท่อมริมธาร" รอบสอง
วันนี้ 11 พ.ย. 2563 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า จากนโยบาย ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ให้เจ้าหน้าที่อุทยานแต่ละแห่งดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มนายทุน แล้วยึดพื้นที่กลับคืนมาให้เป็นสมบัติของชาติ ด้วยการนำมาฟื้นฟูให้กลับมาเป็นผืนป่าดังเดิม
โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 63 นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.ทองผาภูมิ ให้ดำเนินคดีต่อนายสมาน หงษ์เอี่ยม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่197/1 หมู่ 11 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ในข้อหา ยึดถือ ครอบครอง หรือกระทำ ด้วยประการใด ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม โดยไม่ได้รับอนุญาต บนเนื้อที่ 1 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านพัก จำนวน 4 หลัง
เดิมทีพื้นที่ที่ถูกบุกรุกแห่งนี้เป็นของ รีสอร์ต กระท่อมริมธาร ตั้งอยู่ ม.2 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมได้นำประกาศคำสั่งไปปิดเพื่อให้ผู้ประกอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการก็ได้ยินยอมนำรถแบคโฮเข้าไปดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างด้วยตนเอง
แต่ปรากฏว่ามีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปเพียงแค่ 6 หลังเท่านั้น เนื่องจากนายสมาน หงส์เอี่ยม ได้มาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพักที่ยังไม่ได้รื้อถอนที่เหลืออยู่ 4 หลัง อีกทั้งนายสมาน ยังเป็นผู้นำพาชี้แนวเขตที่ดินด้วยตนเองอีกด้วย โดยคดีที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อนายสมาน คดีดัง ต้องระวางโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท
แต่ในเมื่อยังไม่มีการรื้อถอนตามประกาศคำสั่งข้างต้น ดังนั้นวันนี้นายเทวินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยาน จึงนำป้ายประกาศคำสั่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ.2562 มาตรา 35 (2) ไปติดประกาศ ให้นายสมาน รื้อถอนออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศคำสั่งนี้
หากครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน ยังฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จำเป็นจะต้องนำกำลังเข้าไปดำเนินการรื้อถอนเอง ส่วนนายสมาน จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนไม่ยินยอมรื้อถอนตามประกาศคำสั่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ โทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท รวมทั้งจะต้องจ่ายค่าการรื้อถอนให้กับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานเป็นเงินจำนวน 6 หมื่นบาทอีกด้วย
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นำป้ายประกาศคำสั่งไปติดตั้งให้เจ้าของผู้ประกอบการโรงแรม "พรไพลิน รีเวอร์ไซด์ รีสอร์ท" ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกเขตอุทยานฯบนเนื้อที่ 2-3-8 ไร่ ออกไปให้พ้นเขตอุทยานเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 ที่ผ่านมานั้น
ปรากฎว่านางสาวณฐิสิณี เต็งเที่ยง เจ้าของ ได้มีหนังสือฉบับ ลงวันที่ 15 ต.คง 63 อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้รื้อถอนโรงแรมถึงนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม โดยอ้างว่า สิ่งปลูกสร้างที่ยังเหลืออยู่ ณ.ปัจจุบันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และตนในฐานะผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของนางสาวณฐิณี ซึ่งศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งออกมาภายในอาทิตย์หน้า และหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับคุ้มครองชั่วคราว
"หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จะทำหนังสือแจ้งเตือนไปถึงผู้ประกอบการโรงแรม ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงแรม ร้านอาหาร และร้านกาแฟ ออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯเป็นครั้งสุดท้าย หากยังดื้อแพ่ง ไม่ยินยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของ ในข้อหาฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน ตามมาตรา 35 (2) พรบ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับให้ พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษจำคุก 1- 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าเจ้าหน้าที่จำทำการรื้อถอนแล้วเสร็จ" นายนิพนธ์ กล่าว