รีเซต

กรมอุทยานฯ เอาจริง! ติดป้ายเตือนขับรถชนช้างป่าสลักพระคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน

กรมอุทยานฯ เอาจริง! ติดป้ายเตือนขับรถชนช้างป่าสลักพระคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน
มติชน
17 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:31 )
90

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการติดป้ายเตือน “ระวังช้างป่าข้ามถนน ขับรถชนช้างป่ามีโทษจำคุกและปรับ” “โปรดระวังช้างป่า ห้ามขับรถเร็วเกิน 60 กม./ ชม.” ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ บริเวณถนน 1399 ตำบลวังด้ง จนถึงตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 15 กิโลเมตร โดยมี นายไพฑูรย์ อินทบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นผู้นำตรวจ โดย นายไพฑูรย์ แจ้งว่าได้ทำการติดป้ายเตือนระวังช้างป่า โดยได้ติดป้ายเตือนระวังช้างป่าทั้ง 2 ข้างถนนบริเวณดังกล่าว ตลอดสายระยะทาง 15 กม.ทั้งขาไปและขากลับ เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ระยะไกล รวมทั้งหมด 35 ป้าย

 

นายนิพนธ์  กล่าวว่า  ตามข้อสั่งการของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ดำเนินการยกระดับแก้ไขปัญหาช้างป่า ในกรณีช้างป่าถูกรถยนต์ชน ทำให้เกิดการบาดเจ็บทั้งคน และช้างป่า ในบริเวณเส้นทางถนนหมายเลข 1399 ต.ด้งวัง ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จึงได้ดำเนินการติดป้ายเตือนระวังช้างป่าดังกล่าว
ทั้งนี้ขอกล่าวเตือนว่า การที่ผู้ขับขี่รถยนต์คันใด ขับรถมาด้วยความเร็วเข้ามาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ถนนสาย 3199 ระหว่าง ต.วังด้ง ถึง ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี แล้วเห็นป้ายเตือน “ระวังช้างป่า ห้ามขับความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.” ป้ายเตือน “ระวังช้างป่าข้ามถนน ชนช้างป่าโทษจำคุกและปรับ” ติดอยู่ตลอดสองข้างทางถนน ที่มองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล จำนวน 35 ป้าย ย่อมรู้ หรือคาดหมายได้แล้วว่า บริเวณถนน 3199 ต.วังด้ง ถึง ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี ระยะประมาณ 15 กม.ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อาจจะมีช้างป่าออกมาข้ามถนนในบริเวณดังกล่าว หากยังฝ่าฝืนยังขับรถยนต์ด้วยความเร็วอีก แล้วไปชนช้างป่า ที่ข้ามถนนมาบาดเจ็บ หรือตาย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ต่อไปนี้ทาง นายไพฑูรย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าสลักพระ จะดำเนินคดีกับผู้ขับขี่รถยนต์ชนช้างป่า โดยทันที ทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น ตามมาตรา 12 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐานกระทำอันตรายด้วยประการใดๆ โดยการขับขี่รถชนช้างป่าได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำและปรับ แล้วต้องชดใช้ค่าเสียหายมูลค่าของช้างป่าที่บาดเจ็บหรือตาย เชือกละหลายแสนบาท ตามมาตรา 87และ 88 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไม่ว่าผู้ขับขี่รถยนต์ชนช้างป่าจงใจชนช้างป่าหรือประมาทเล่นเลอในการชนช้างป่าก็ตาม อีกด้วย

 

ทั้งนี้ หากชนช้างป่าแล้วหนี ก็จะมีโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 ผู้ใดขับรถในทางซึ่งก่อ ให้เกิดความเสียหาย แก่บุคคล หรือทรัพย์สิน จะต้องหยุดรถ ให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิด ของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม ถ้าไม่ดำเนินการระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2 พันบาท ถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกกระทงหนึ่งด้วย

 

อย่างไรก็ตามการดำเนินการติดป้ายเตือนระวังช้างป่าตลอดสองข้างทางถนนเป็นจำนวนมาก และดำเนินการเอาผิดกับผู้ขับขี่รถยนต์ชนช้างป่าในครั้งนี้ น่าจะช่วยการแก้ไขปัญหาการชนช้างป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในเส้นทางถนนบริเวณดังกล่าวได้ หากผู้ขับขี่รถยนต์ เห็นป้ายเตือนช้างป่าแล้ว ผู้ขับขี่รถยนต์ขับช้าๆ ชะลอความเร็ว ระวังช้างป่า ในระยะ 15 กม. ซึ่งนับได้ว่าเป็นระยะทางไม่ไกล การขับขี่รถยนต์ชนช้างป่าจะไม่เกิดขึ้นอีก หรือบรรเทาน้อยลง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน เกิดเหตุช้างป่าถูกรถชนถึง 2 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 ม.ค.65 ช่วงเวลาประมาณ 07.40 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ พุ่งชนช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 30 ปี อย่างแรง ที่บริเวณถนนสาย 3199 บ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 2 ราย ส่วนคนขับเป็นชายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่ช้างป่าที่ถูกรถยนต์กระบะชน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณขาขวาด้านหน้า และเสียชีวิตลงวันที่ 11 ม.ค.65 ซึ่งผลการผ่าพิสูจน์พบว่า กระดูกต้นขาขวาด้านหน้าหักออกเป็นชิ้นๆ นอกจากนี้ยังมีเลือดคั่งบริเวณใต้ผิวหนัง พบเลือดออกภายในประมาณ 3 ลิตร กล้ามเนื้อมีลักษณะฉีกขาดเป็นวงกว้าง บริเวณชั้นใต้ผิวหนังด้านหน้ากะโหลก พบมีการคั่งเลือด หัวใจมีร่องรอยอักเสบและจุดเลือดออก ส่วนบริเวณอวัยวะระบบสืบพันธุ์มีเลือดออกด้วยเช่นกัน คณะสัตวแพทย์จึงสันนิษฐานว่า สาเหตุการตายเกิดจากการโดนรถชน ทำให้เกิดเลือดออกภายใน จึงส่งผลให้ช้างป่าตัวดังกล่าวเกิดภาวะช็อกจากการสูญเสียเลือด เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

และครั้งที่สอง เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.40 น. ของวันที่ 1 ก.พ.65 ครั้งนี้เป็นรถยนต์ตู้ชนช้างป่า ที่บริเวณถนนสาย 3199 กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ หมู่ที่ 8 บ้านวังจาน ต.วังด้ง อ.เมืองกาญจนบุรี เบื้องต้นพบร่องรอยของช้างลักษณะเดินลากขาซ้ายด้านหลัง โดยช้างได้เดินเข้าไปมุ่งหน้าไปยังสระน้ำที่อยู่ห่างจากถนนจุดเกิดเหตุประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่ขณะนี้ยังไม่พบตัวของช้าง จึงยังไม่ทราบว่าช้างที่ถูกชนเป็นตัวผู้หรือตัวเมียและได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ทราบเพียงแค่ช้างมีด้วยกัน 3 ตัว เป็นช้างแม่ลูกและช้างพี่เลี้ยง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามเพื่อดูอาการพร้อมทำการรักษาช้างป่าตัวดังกล่าวต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง