Google จัดทัพใหม่เพื่อรับมือการแข่งขันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
การแข่งขันด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เริ่มมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ บริษัท กูเกิล (Google) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ที่กำลังปรับทัพใหม่ในแผนกที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ โดยประกาศเปิดตัว Google DeepMind ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของทีม DeepMind และทีม Google Brain จาก Google Research เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
สำหรับการบริหารงานบริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ชุดใหม่เพื่อดูแลความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ โดยมีโคเรย์ คาวูคคูโอกลู (Koray Kavukcuoglu) รองประธานฝ่ายวิจัยของ DeepMind อีไล คอลลินส์ (Eli Collins) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Google Research จะเข้าร่วมบริหารใน Google DeepMind ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์
โดยซูบิน กาห์รามานี (Zoubin Ghahramani) หัวหน้าฝ่าย Google Brain จะกลายเป็นสมาชิกของทีมผู้นำการวิจัย Google DeepMind ซึ่งจะทำงานขึ้นตรงกับ โคเรย์ คาวูคคูโอกลู (Koray Kavukcuoglu)
ในขณะเดียวกันเจฟฟ์ ดีน (Jeff Dean) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Google Brain จะเข้ามาเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ดูแลรับผิดชอบทั้ง Google Research และ Google DeepMind โดยรายงานการทำงานโดยตรงกับศุนทัร ปิจไช (Sundar Pichai) ซีอีโอ (CEO) ผู้บริหารของ Google Google Research และประธานบริหารของบริษัท กูเกิล (Google)
สำหรับเป้าหมายการจัดทัพองค์กรใหม่นอกจากความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการงานยังมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อัลกอริทึมและทฤษฎี ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การคำนวณด้วยควอนตัม สุขภาพ สภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน รวมไปถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ
ย้อนไปก่อนหน้านี้ในปี 2010 บริษัท ดีฟมายด์ (DeepMind) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเชน เลกก์ (Shane Legg) และมุสตาฟา สุไลมาน (Mustafa Suleyman) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ก่อนถูกซื้อกิจการโดยบริษัท Google ในปี 2014 ด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 17,034 ล้านบาท
ส่วนทีม Google Brain นั้นก่อตั้งในปี 2011 โดยนักวิจัยในบริษัท กูเกิล (Google) คือ เกร็ก คอร์ราโด (Greg Corrado) และศาสตราจารย์แอนดรูว์ อัง (Andrew Ng) มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผลงานที่สำคัญของ Google Brain เช่น ระบบ TensorFlow การสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของ Google Translate บริการแปลภาษายอดนิยมของโลก
ที่มาของข้อมูล Techcrunch
ที่มารูปภาพ Blog.Google