คลังชี้เป้า“ท่องเที่ยว-อสังหาฯ”กลุ่มธุรกิจออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
คลังเตรียมคลอดมาตรการทุกไตรมาส ชี้เป้า“ท่องเที่ยว-อสังหาฯ”กลุ่มธุรกิจที่ต้องกระตุ้นต่อเนื่อง มั่นใจจีดีพีปี 68 โต 3%
#ทันหุ้น นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3% จากมาตรการดูแลเศรษฐกิจในปี 2568 จะออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ได้ออกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ 10,000 บาทไปแล้วโดยมีกรอบวงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนการเดินหน้าเงินดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 นั้น ตามที่ติดตามข่าวจะออกมาในช่วงไตรมาส 2 ของปี2568 นี้ คาดว่าจะไม่เกินเม.ย.-มิ.ย.68 ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการพัฒนาแพลตฟอร์มว่าจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด และทดสอบระบบความปลอดภัยแล้วเสร็จ โดยเป็นวงเงินก้อนใหญ่ ประมาณ 1.5-1.6 แสนล้านบาท
“นอกจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ผู้สูงอายุแล้ว ยังมีมาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการแจกเงินเฟส 3 ลงไปอีกในไตรมาส 2 ส่วนไตรมาสที่ 3 และ 4 ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องดูแล้วว่าแต่ละไตรมาสควรจะมีอะไรลงไปเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนครึ่งหลังของปี 2568 นั้น ก็จะมีมาตรการออกมาดูแล ซึ่งมาตรการบางอย่างอาจจะไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการก็ได้ เช่น การให้แรงจูงใจผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี โดยมองว่า ภาคส่วนที่ต้องกระตุ้นเป็นพิเศษ คือ ภาคท่องเที่ยว
ขณะที่ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังเป็นกลุ่มที่น่าเข้าไปดูแล เนื่องจาก ยังซบเซา และซัพพลายเชนมีสายป่านที่ยาว ทั้งนี้ ยอมรับว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นส่วนที่เข้ามาทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์คึกคักขึ้น อย่างน้อยมีการลงทุน การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการอัดฉีดโดยไม่ต้องใช้เงินเพียงอย่างเดียว
ด้านการขยายอายุมาตรการลดหย่อนภาษีค่าโอนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์นั้น คาดว่าจะมีมาตรการออกมา ขอให้รอติดตามรายละเอียดอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าโครงการอารีย์ สกอร์นั้น เขากล่าวว่า จะเห็นแบบจำลองแรกได้ในเดือนก.พ.68 โดยจะเข้ามาตอบโจทย์การแก้ไขหนี้นอกระบบ สำหรับประชาชนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อ ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ ก็จะทำให้เข้ามาอยู่ในระบบได้ ถือเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบได้อย่างยั่งยืน ซึ่งหากระบบมีความเสถียรแล้ว จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“ก.พ.68 จะเป็นแบบจำลองแรกที่ได้รับบริการ ผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ซึ่งอารีย์ สกอร์ไม่ใช่ของรัฐ แต่รัฐดำเนินการให้ และพร้อมให้ใช้เหมือนกับเครดิตบูโร ซึ่งอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน และในอนาคตกระทรวงการคลังจะมีการเชื่อมข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ มากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ในแบบจำลองกลุ่มแรกจะเชื่อมข้อมูลเฉพาะกระทรวงการคลังเท่านั้น เช่น รายการยื่นแบบผู้เสียภาษี เงินฝาก การรับสวัสดิการรัฐ เป็นต้น โดยข้อมูลที่กระทรวงการคลังมีครอบคลุม 60 ล้านคน แต่การนำข้อมูลจากฐานข้อมูลอื่นๆ มาเสริม จะทำให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การเดินหน้ามาตรการแก้หนี้ของรัฐบาล ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กำลังซื้อของประชาชนกลับมาได้จำนวนมาก จะต้องติดตามโครงการคุณสู้ เราช่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดลงทะเบียนเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนระยะต่อไปจะมีการศึกษาแก้หนี้ให้กับประชาชนที่เป็นหนี้เสียเกิน 1 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด