AWC ลุ้นทราเวลบับเบิ้ล หนุนโค้งท้ายปีพลิกบวก

ทันหุ้น – สู้โควิด –AWC ไตรมาส 4/2563 เข้าไฮซีซัน ลุ้นรัฐไฟเขียวทราเวลบับเบิ้ลดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย คาดสิ้นปีนี้แตะ 10 ล้านคน และปี 2564 หากมีวัคซีนป้องกันโรคระบาดนักท่องเที่ยวอ่จขยายตัวแตะ 15-20 ล้านคน หนุนผลงานพลิกฟื้นทำกำไร พร้อมรับเลื่อนเปิดโรงแรมใหม่ 4 แห่ง ไปเป็นปี 2564 คงเป้างบลงทุน 5 ปี มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปกติของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มากกว่า 50% ของรายได้รวม แต่ด้วยการแพร่ระบาดของไวัรสโควิด-19 ส่งผลให้หลายประเทศมีการปิดน่านฟ้า และงดการเดินทางเข้าออกเพื่อการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ทำให้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในปีนี้ค่อนข้างที่จะคาดเดาได้ยาก แต่หากว่าภาครัฐมีการออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างชาติแบบทราเวลบับเบิ้ลก็เชื่อว่จะเข้ามาช่วยหนุนผลงานบริษัทได้

*ลุ้นทราเวลบับเบิ้ลดันยยอด

โดยมองว่าหากมีการเปิดประเทศในรูปแบบทราเวลบับเบิ้ล อาจส่งผลให้การเข้าพักโรงแรมในเครือของบริษัทกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ หนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสพลิกกลับมาทำกำไรได้ อย่างไรก็ดี มองว่ากว่าที่เศรษฐกิจภายในประเทศจะฟื้นตัวได้นั้นอาจต้องรอให้มีการนำวัคซีคป้องกันไวรัสโควิด-19 ออกมาใช้จริงได้ก่อน ซึ่งก็อาจกินเวลาไปจนถึงช่วงครึ่งหลังปี 2564 ทำให้มองว่าในปีหน้าทิศทางการเติบโตของธุรกิจจะดูดีกว่าปีนี้ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2564 อาจกลับมาแตะที่ราว 15-20 ล้านคนได้ จากปีนี้ที่คาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 10 ล้านคน

ทั้งนี้ ต้องยอมรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลทำให้บริษัทปรับเลื่อนกำหนดการเปิดโครงการออกไปประมาณ 4 โครงการ เพื่อรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงการเปิดโครงการ ซึ่งในปีนี้จากเดิมจะมีการเปิดโรงแรม บันยันทรี กระบี่ในช่วงไตรมาส 2/2563 จึงเลื่อนมาเปิดในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2564 แทน, โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ จากเปิดตัวปลายปี 2564 จากเดิมที่จะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งเช่นเดียวกันกับโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แม่ปิง เชียงใหม่ ขณะที่โรงแรมของโครงการเอเชียทีคจากเดิมเปิดในปี 2565 ถูกเลื่อนเป็นปี 2566 เป็นต้น ซึ่งทั้ง 4 โครงการอยู่ในแผนการพัฒนาโครงการ จำนวน 10 โครงการ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนตามแผนงานเดิม 50,000 ล้านบาท ภายในช่วงระยะเวลา 5 ปี (2563-67)

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กว่า 100 ราย เข้ามาเสนอขายกิจการให้โดยเฉพาะโรงแรมในทำเลที่ตรงกับนโยบายบริษัทกำหนด แต่ทว่าการลงทุนในระยะนี้นั้นบริษัทอาจต้องมีการพิจารณาถึงเรื่องราคาและความเหมาะสมในการลงทุนประกอบด้วย

ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ต่ำ 0.70 เท่า แสดงถึงความพร้อมในการลงทุน อย่างไรก็ดี จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับเศรษฐกิจากที่สุด

*ผนึกพันธมิตรจีน

ล่าสุด บริษัทได้มีการลงนามความร่วมมือกับองค์กรด้านการค้าการลงทุนระดับชาติของจีน 2 ฉบับ ได้แก่ 1.การลงนามกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเชื่อมโยงตลาดจีนและอาเซียนแบบครบวงจรผ่าน AEC Trade Center เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าส่งของภูมิภาค และเสริมความแข็งแกร่งให้ AEC Trade Center เป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ด้วยการสนับสนุนทางด้านความรู้ เทคโนโลยีต่างๆ และเชื่อมโยงเครือข่ายการค้าที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกกับประเทศจีน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศ

รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าของภูมิภาค (Sourcing hub of the region) เพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า และผู้ประกอบการที่สามารถหาสินค้าหลายหลาย ในราคาต้นทาง พร้อมเครือข่ายออนไลน์เพื่อการค้า เปรียบเทียบราคา และการจัดส่ง แบบครบวงจร โดยในการลงนามครั้งสำคัญนี้เป็นความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรสมาคมพัฒนาการค้าการลงทุนของจีน ประกอบด้วย สมาคมผู้ส่งสินค้าแห่งประเทศจีน (China Shippers’ Association), สมาคมการลงทุนแห่งประเทศจีน (Emerging Industry Center of Investment Association of China) และสมาพันธ์ธุรกิจภายใต้นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและเขตการค้าเสรี (Belt & Road Investment and Free Trade Alliance: B&R IFTA)

และ 2) การลงนามความร่วมมือกับ Zhejiang China Commodities City Group Co., Ltd. (CCC Group) รัฐวิสาหกิจผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู (Yiwu) ประเทศจีน ในโครงการนำร่อง AEC Trade Center Pantip Pratunam ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยการจัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” และศูนย์ให้บริการด้านการส่งออกไปยังประเทศจีน “IC Mall” เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป