เอเซียพลัสส่องการย้ายฐานผลิตจากจีนมาไทย หุ้นใดได้ประโยชน์
#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หลังจากที่รู้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า พรรค REPUBLICAN ชนะ โดยมี DONALD TRUMP เป็น ประธานาธิบดีคนที่ 47 ซึ่งนโยบายหลักๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นและส่งผลต่อประเทศอื่น คือ การเพิ่มภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ 10% และจากจีน 60% (ซึ่งล่าสุดอาจตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเป็น 150 –200% ถ้าจีนบุกไต้หวัน), ตั้งกำแพงภาษีกลุ่ม BRICS 100% รวมถึงการกลับมาของ AMERICAN FIRST อาจเสี่ยงทำให้สงครามการค้าจีน-สหรัฐ (TRADE WAR) ซึ่งต้องติดตามว่านโยบายต่างๆ จะเกิดขึ้นจริงและรุนแรงขนาดไหน
โดยตอนที่ DONALD TRUMP เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 1 และมีการเกิด TRADE WAR ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ณ ตอนนั้นยอดเงินลงทุนยอดส่งเสริมลงทุนจากต่างประเทศ (BOI) พุ่งขึ้นจาก 2.1 แสนล้านบาท สู่ระดับ 4.6 แสนล้านบาท (+116%YOY) จึงทำให้มีโอกาสที่จะเห็นยอดเงินลงทุนยอดเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) เร่งตัวขึ้นเฉกเช่นในอดีต
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ ในช่วงต้นปี 2560 - ต้นปี 2564 ที่นายโดนัลด์ทรัมป์บริหารสหรัฐฯ SET เพิ่มขึ้น 13.7% แต่มีกลุ่มหุ้นที่ขึ้นได้ดี คือ
-หุ้นกลุ่มนิคมอย่าง AMATA เพิ่มขึ้น 126%, ROJNA เพิ่มขึ้น 56%, WHA เพิ่มขึ้น 35%
- หุ้นกลุ่มเดินเรือที่ BDI เพิ่มขึ้น 98% หุ้น RCL เพิ่มขึ้น 68%, PSL เพิ่มขึ้น 28%
- หุ้นกลุ่มขนส่งอย่าง SJWD เพิ่มขึ้น 55%, WICE เพิ่มขึ้น 43%