นวัตกรรมและความสำเร็จ เริ่มจากการ “เชื่อใจ” และเติบโตไปกับพันธมิตร

ในยุคที่ธุรกิจต่างต้องเดินไปด้วย “นวัตกรรมและเทคโนโลยี” การจับมือร่วมกันกับพันธมิตร “ที่ใช่” ทำให้ทุกภาคฝ่ายเดินเข้าหาความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนขึ้น แต่การจะหาพันธมิตรที่จะร่วมกันสร้างหรือขับเคลื่อนนวัตกรรมไปสู่เป้าหมาย เป็นเรื่องที่แต่ละองค์กรจะต้องใช้เวลาในการสำรวจ ตัดสินใจ และลงมือที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในงาน CP Innovation Exposition & CP Symposium 2025 หรือ มหกรรมนวัตกรรมบัวบาน 2025 ซึ่งเป็นเวทีรวมพลังนวัตกรในทุกกลุ่มธุรกิจของเครือฯ จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 21 กันยายน 2568 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค (TDPK) กรุงเทพฯ หนึ่งในเวทีเสวนาที่ได้รับความสนใจ คือการแบ่งปันองค์ความรู้ผ่านหัวข้อ “CP Axtra Innovation Partnership” พันธมิตรแห่งนวัตกรรม ซีพี แอ็กซ์ตร้า ปลุกพลังเปลี่ยนโลก ยกระดับธุรกิจและค้าปลีกไทยสู่ระดับโลก ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์
- คุณฌอน หวอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวางแผนองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
- คุณธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- คุณวินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ประธานฝ่ายดิจิทัลมีเดีย ทรู ไอดี บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
- คุณสุมนา ปาจริยานนท์ Chief Financial Officer บริษัท ไรส์ แอคเซล จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
นิยาม “พันธมิตรด้านนวัตกรรม” ในมุมมองของบริษัทชั้นนำของไทย
ในมุมมองของ คุณฌอน มองว่าความหมายของ “นวัตกรรม” ในมุมมองของธุรกิจค้าปลีก คือ "ต้องมีความยืดหยุ่น" เราไม่สามารถเป็นที่ดีที่สุดในแต่ละด้านได้ ยิ่งในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงต้องหา “พันธมิตร” ที่มีความเก่ง ความเชี่ยวชาญเข้ามาเสริมทัพเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของเราได้ดียิ่งขึ้น
ในแง่ของคุณธีรเดช เสริมว่า ความร่วมมือหรือการเป็นพันมิตรในจุดนี้ ก็เหมือนกับ “การเอาจุดแข็งของแต่คนมารวมกัน” เช่น CP Axtra ที่เก่งเรื่องของการค้าขาย True เองก็เก่งเรื่องของดิจิทัลและเอไอ นำมาเป็นความร่วมมือใหม่ เพื่อเสริมทัพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สำหรับคุณวินท์รดิศ มองว่ามันเป็นเหมือนกับการสร้าง “ความร่วมมือร่วมกัน” เช่น ธุรกิจแบบ B2C (Business to Business) ที่มีจุดแข็งคือการเชื่อมต่อกับลูกค้าในขนาดใหญ่ การจับมือกับพันธมิตร ก็เป็นเหมือนการสร้างคุณค่าร่วมกัน เราจะเชื่อมต่ออย่างไร ให้เกิดเป็นประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อสำหรับลูกค้า ซึ่งต้องไปดูว่าอะไรคือจุดแข็งของเรา และอะไรคือสิ่งที่พันธมิตรของเราจะเข้ามาเสริมได้
การร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่เป้าหมาย
ตัวอย่างที่ CP Axtra แบ่งปันบนเวที เล่าถึงธุรกิจการค้าปลีกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำอย่างไรร้านค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์จะเชื่อมกัน สิ่งที่มองหาจึงเป็นความสามารถหรือจุดแข็งของพันธมิตร เช่น True ที่มีข้อมูล มีผู้ใช้ ระบบ หรืออย่าง TrueID มีผู้ใช้งาน มีคนเข้าถึง มีผู้ติดตามเยอะ การที่เราจะขายสินค้าผ้าช่องทางต่าง ๆ เช่นการ Live เพื่อเข้าถึงกลุ่ม GenZ หรือการทำ Omni Channel ที่ผสานรวมการตลาดทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เข้าด้วยกัน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เราจะเข้าไปร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อที่จะให้ลูกค้าได้สูงสุด
ทางฝั่งของ TrueID เสริมว่าการเป็นพันธมิตรทางด้านนวัตกรรมจะสำเร็จได้ ขึ้นอยู่กับคุณค่าหรือประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกัน เมื่อเรามีเป้าหมายที่ใหญ่ พื้นฐานก็คือความเชื่อที่มีร่วมกัน ต้องมีเรื่องของการจัดการความคาดหวัง และมีคุณค่าที่จะได้รับด้วยกัน เพื่อที่จะสร้างพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่ขยายไปได้ไกลมากขึ้น
ในส่วนของ True มีตัวอย่างที่น่าสนใจมาแบ่งปัน คือเรื่องของการใช้ข้อมูลลูกค้า เพื่อนำมาสร้างบริการ วางแผนการตลาด หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้มากที่สุด ทำให้เพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
มองภาพอนาคตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
เมื่อถามถึงการมองภาพอนาคตอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เสมอ โดยสิ่งที่ คุณฌอน แบ่งปันก็คือในอีก 3-5 ปีข้างหน้า อาจจะมีสตาร์ตอัปเกิดขึ้นมากมาย เพราะเทคโนโลยีมาแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญและเป็นความท้าทายคือ "คน" จะทำอย่างไรให้คนเรียนรู้ และพร้อมไปสู่นวัตกรรมใหม่ เห็นประโยชน์ของมัน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้
ในแง่ของคุณธีรเดช ในอีก 3-5 ปี มองในประเด็นของ "การเชื่อมโยง" เพราะในปัจจุบันมีการพูดถึงมากในเรื่องของการขายของในโซเชียลมีเดีย ถ้าเราได้เอาสินค้าจากหลาย ๆ ส่วนมารวมกัน เช่น สุขภาพ การเงิน ก็จะพัฒนาในเรื่องของประสบการณ์การซื้อจ่าย และการให้ความสะดวกสบายกับลูกค้า นั่นคือสิ่งที่คิดว่า CP Axtra กับ TrueID หรือแม้กระทั่งทุกธุรกิจต่าง ๆ ของ True กำลังมองว่าจะสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อเช่นนั้นได้อย่างไร และคาดว่าเป็นสิ่งที่ AI จะช่วยได้ และจะเห็นได้ในอนาคต
ส่วนคุณวินท์รดิศ คิดว่าเทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้เร็วมากขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก คิดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะเป็นการแข่งขันว่าใครมีระบบนิเวศ (Ecosytem) ได้มากที่สุด
“ล้มเร็ว แล้ว ลุกเร็ว” คือสิ่งที่จำเป็น
บนเวทีนี้ยังมีอีกหนึ่งคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจ คือการตั้ง “Mindset” หรือ ชุดความคิด ในการที่จะล้มและลุกให้ไว เรียนรู้จากการล้ม พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า หรือล้มไปข้างหน้า และเรียนรู้จากการล้มเหล่านั้น รวมไปถึงการตั้งชุดความคิด ตั้งวัฒนธรรมในองค์กร การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในองค์ เช่น การปลูกฝังการใช้เทคโนโลยีในองค์กร ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนมองเห็นจุดหมายที่จะก้าวไปด้วยกัน
และสำหรับองค์กรที่อยากจะเริ่มสร้างพันธมิตรด้านนวัตกรรม อาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ “ลงมือทำ” เพราะการเริ่มที่ดีที่สุดคือการเริ่มที่จะเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติ เพราะสุดท้ายนวัตกรรมอาจจะไม่ใช่คำที่ใหญ่ แต่มันคือสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แค่การเริ่มพูดคุย แชร์ไอเดียกัน ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สรุปแล้ว การสร้างนวัตกรรม การสร้างพันธมิตรด้านนวัตกรรมระหว่างองค์กร สิ่งที่สำคัญก็คือการ “ไว้เนื้อเชื่อใจ” พันธมิตรของเรา นำเอาจุดแข็งของแต่ละองค์กรมารวมเข้าเป็นจุดแกร่ง เรียนรู้จากการลงมือทำ เรียนรู้จากการล้มและลุก เพื่อที่จะร่วมกันเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
ติดตามไลฟ์ย้อนหลังได้ที่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
