"หมอธีระ"เตือนโควิดในไทยยังวางใจไม่ได้ มีการระบาดรุนแรง-กระจายไปทั่ว

วันนี้ (10 มี.ค.65) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า 10 มีนาคม 2565 ทะลุ 451 ล้าน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,516,256 คน ตายเพิ่ม 6,222 คน รวมแล้วติดไปรวม 451,056,270 คน เสียชีวิตรวม 6,042,565 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ/ใต้ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 96.03 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 98.61
ในขณะที่ยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 49.83 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 36.41
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก
...สถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน 69 คน สูงเป็นอันดับ 20 ของโลก
...รายงานขององค์การอนามัยโลก
WHO Weekly Epidemiological Report วันที่ 8 March 2022 สรุปภาพรวมให้เห็นว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีรายงานติดเชื้อใหม่ลดลง 5% และจำนวนการเสียชีวิตลดลง 8%
แต่ได้ระบุไว้ว่า การที่จำนวนติดเชื้อลดลงนั้น อาจเป็นเพราะบางประเทศมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่องการตรวจคัดกรองโรค
ทั้งนี้เราคงเห็นได้จากในประเทศไทยด้วย ที่ตรวจ RT-PCR อย่างจำกัด ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันไม่มาก แต่สถานการณ์จริง การระบาดเป็นไปอย่างกว้างขวาง และมีผู้ติดเชื้อที่ตรวจด้วย ATK จำนวนมากกว่า RT-PCR แต่ไม่รายงานรวมเป็นผู้ติดเชื้อ ทั้งที่นำเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาแบบ Home isolation, Community isolation, และแบบ OPD
องค์การอนามัยโลกได้สรุปเกี่ยวกับ Omicron ไว้ดังนี้
1. ล่าสุดจากระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่ระบาด พบว่า Omicron ครองการระบาดในสัดส่วนสูงถึง 99.7% ในขณะที่เดลต้าเหลือเพียง 0.1%
2. สำหรับ Omicron นั้น ขณะนี้มีสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ โดยพบ BA.1.1 มากสุดคือ 41% รองลงมาคือ BA.2 มีราว 34.2% และ BA.1 ราว 24.7%
3. Omicron มีความได้เปรียบในการแพร่เชื้อมากกว่าเดลต้า 64%
4. หากเปรียบเทียบระหว่างสายพันธุ์ย่อยของ Omicron พบว่า BA.2 มีความได้เปรียบในการแพร่เชื้อมากกว่า BA.1 56% ทั้งนี้ในสหราชอาณาจักรพบว่าอาจสูงถึง 82.7% และมีอัตราการติดเชื้อทั้งในครัวเรือนและนอกครัวเรือนมากกว่า BA.1 อีกด้วย
5. ในแง่ความรุนแรงของโรค BA.2 ไม่แตกต่างจาก BA.1
...ย้ำเตือนอีกครั้งว่า เมืองไทยเรายังมีการระบาดรุนแรง กระจายทั่ว
แม้ดูจะเป็น"ขาลง" หลังพีคเมื่อ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ธรรมชาติของการระบาดขาลงที่สังเกตจากประเทศอื่นจะยาวนานกว่าขาขึ้น 1.5 เท่า จึงคาดว่าไทยเราจะมีช่วงขาลงราว 42 วันหรือ 6 สัปดาห์
ระยะยาวเช่นนี้ ไม่ได้แปลว่าวางใจ ลัลล้าได้ แต่กลับหมายถึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะจำนวนติดเชื้อใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงขาลงที่ยาวนานนี้อาจมีจำนวนรวมมากกว่าขาขึ้นได้ หากประมาท ไม่ป้องกันตัวให้ดี
นอกจากนี้ยิ่งจำนวนติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากเท่าใด โอกาสเกิดการปะทุรุนแรงขึ้นกว่าเดิมย่อมมีได้ โอกาสเกิดสายพันธุ์ใหม่ย่อมมีได้มากขึ้น และที่ควรตระหนักคือ จำนวนคนที่จะประสบปัญหา Long COVID ในระยะยาวจะมากขึ้น
Long COVID จะส่งผลกระทบต่อสมรรถนะในการดำรงชีวิต คุณภาพชีวิต และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นต่อทั้งคนที่ป่วย ครอบครัว และประเทศ
ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาน้อยๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น
หากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงาน แจ้งคนใกล้ชิด และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน
ด้วยสถานการณ์และทิศทางนโยบายและมาตรการดังที่เป็นมา คาดว่า 4 เดือน หรือ 3+1 ไม่มีทางที่จะเพียงพอสำหรับการประกาศเป็นโรคประจำถิ่นครับ
ความรู้เกี่ยวกับ Long COVID จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการจัดการโรคโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ต้องใช้ความรู้ที่ถูกต้องนำนโยบาย จึงจะมีโอกาสสำเร็จ
ความสำเร็จนั้นวัดกันที่"ผลลัพธ์ที่เห็น"
ข้อมูลจาก รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
ภาพจาก AFP / รอยเตอร์