สรุปไฮไลต์ Google I/O 2025 จาก Gemini 2.5 ถึง Android XR และ AI Ultra

งาน Google I/O 2025 จัดขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยถือเป็นหนึ่งในงานสำคัญประจำปีของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี Google ใช้เวทีนี้ในการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในหลายด้าน โดยเฉพาะในหมวด AI และระบบปฏิบัติการ Android
Gemini และการยกระดับ AI
Gemini 2.5 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Deep Think ที่สามารถวิเคราะห์เชิงลึกและแปลงข้อมูลภาพให้เป็นภาพ 3 มิติ พร้อมคำบรรยาย เช่น เปลี่ยนตารางภาพถ่ายเป็นภาพทรงกลม 3 มิติ จากนั้นเพิ่มคำบรรยายสำหรับแต่ละภาพ
การแปลงข้อความเป็นเสียงแบบเปลี่ยนภาษาได้ทันที พร้อมความสามารถตอบอีเมลสไตล์ส่วนตัว (Smart Reply แบบปรับตามบุคคล)
Gemini Live เปิดให้ผู้ใช้มือถือ Android และ iOS ใช้กล้องถามคำถามแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสิ่งที่เห็นผ่านแอป Gemini
ฟีเจอร์ AI Overviews ที่แสดงสรุปผลการค้นหาด้วย Gemini มีผู้ใช้งานกว่า 1.5 พันล้านรายต่อเดือน และจะผสานเข้าสู่ Search หลักมากขึ้นในอนาคต
AI ใน Google Search และการช้อปปิ้ง
โหมด AI สำหรับ Search เปิดให้ใช้งานในสหรัฐฯ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น เปรียบเทียบสินค้า หรือหาตั๋วราคาถูก
ระบบจะสามารถสร้างกราฟ แผนภูมิ และตอบคำถามติดตามผลได้
เพิ่มฟีเจอร์เสมือนจริงให้ลองใส่เสื้อผ้าผ่านภาพถ่ายตนเอง และแจ้งเตือนเมื่อสินค้าที่ต้องการลดราคา พร้อมระบบชำระเงินอัตโนมัติ
Google Assistant รุ่นใหม่: Project Astra
Project Astra แสดงศักยภาพผู้ช่วย AI สากล เช่น ค้นหาอีเมลหาข้อมูลจักรยาน โทรหาร้านซ่อม และดูข้อมูลจากเว็บ
นับเป็นก้าวสำคัญสู่การทำให้ Gemini เป็นผู้ช่วยประจำตัวที่จัดการงานในชีวิตประจำวันได้จริง
แปลภาษาแบบเรียลไทม์และการประชุมยุคใหม่
Google Meet เพิ่มระบบแปลสดที่เลียนแบบโทนเสียงผู้พูด เริ่มที่สเปน-อังกฤษ ใช้ได้สำหรับผู้สมัคร Google AI Pro และ Ultra
ระบบประชุม 3 มิติ Project Starline เปลี่ยนชื่อเป็น Google Beam เตรียมเปิดขายให้กับองค์กร โดยบริษัท HP จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้
เครื่องมือสร้างวิดีโอและภาพด้วย AI
เปิดตัวแอป Flow สำหรับสร้างหนังสั้นแบบมืออาชีพ พัฒนาต่อจาก VideoFX ใช้งานได้แล้วในสหรัฐฯ
โมเดลวิดีโอ Veo 3 รองรับการสร้างวิดีโอพร้อมเสียง ส่วน Imagen 4 ปรับปรุงคุณภาพการสร้างภาพให้สมจริงยิ่งขึ้น
บริการแบบเสียเงิน: AI Ultra
แผนใหม่ Google AI Ultra มีค่าใช้จ่าย 250 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน มาพร้อมสิทธิ์ใช้เครื่องมือขั้นสูง เช่น Deep Research
รวมพื้นที่จัดเก็บ 30TB, บริการ YouTube Premium และฟีเจอร์ AI แบบไม่จำกัด
มีโปรโมชันลด 50% สำหรับ 3 เดือนแรก พร้อมรีแบรนด์ “AI Premium” เป็น “Google AI Pro”
Android XR และแว่นตาอัจฉริยะ
Google ประกาศความคืบหน้าเกี่ยวกับ Android XR ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ในกลุ่ม Extended Reality (XR) โดยรวมเทคโนโลยี AR (Augmented Reality), MR (Mixed Reality) และ VR (Virtual Reality) ไว้ด้วยกัน
จุดเด่นของ Android XR
เป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สคล้าย Android สำหรับสมาร์ตโฟน แต่ปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์ XR โดยเฉพาะ
รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติ การติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ การโต้ตอบกับวัตถุเสมือนจริง และการผสานข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น การเปิด Google Maps เวอร์ชัน AR บนแว่นตา, การดูวิดีโอ 360 องศา, หรือการประชุมในโลกเสมือน
เปิดตัวอุปกรณ์ XR รุ่นที่สอง
Google ประกาศว่า Xreal บริษัทพัฒนาอุปกรณ์ XR ได้ร่วมมือพัฒนา Project Aura – แว่นตา XR แบบมีสายซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์พกพา
แว่นตานี้ใช้เลนส์ใสแบบโปร่งแสง (Transparent display) พร้อมระบบติดตามภาพและเสียงจากผู้ใช้ในเวลาเดียวกัน
เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การดูข้อมูลแบบลอยอยู่บนโลกจริง หรือใช้งานแอป productivity
รอเปิดตัว Google XR Headset ร่วมพัฒนาโดย Samsung
Google ยืนยันว่ากำลังพัฒนาชุด XR headset ที่แท้จริงอยู่ โดยร่วมมือกับ Samsung
อุปกรณ์นี้คาดว่าจะมาพร้อมกับประสิทธิภาพระดับสูง ใช้ชิปที่ออกแบบมาเฉพาะ และรัน Android XR เต็มรูปแบบ
มีกำหนดการเปิดตัวในช่วง ปลายปี 2025 เพื่อท้าชนกับคู่แข่งอย่าง Apple Vision Pro และ Meta Quest
การเคลื่อนไหวของ Google ในด้าน XR แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการแข่งขันในตลาดอุปกรณ์สวมใส่เชิงเทคโนโลยีขั้นสูง โดยพยายามปูรากฐานด้วย Android XR ให้กลายเป็นระบบนิเวศใหม่เหมือนที่ Android เคยทำกับสมาร์ตโฟนมาก่อนหน้านี้
การอัปเดตด้านความปลอดภัย
Google ได้ยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ Chrome ด้วยฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome Password Manager
ระบบเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ หากบัญชีของคุณมีข้อมูลรั่วไหล (เช่น จากการแฮกระบบเว็บไซต์ที่คุณใช้) Chrome จะตรวจพบการละเมิดข้อมูล และแจ้งเตือนทันที
ผู้ใช้สามารถกดปุ่มเพียงครั้งเดียวเพื่อ เปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ ไปยังรหัสที่แข็งแรงกว่า ซึ่งจะถูกอัปเดตในบัญชีที่เข้าร่วมโปรแกรมโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้เฉพาะกับเว็บไซต์ที่รองรับการเปลี่ยนรหัสผ่านผ่าน API ที่ Google กำลังผลักดันให้แพร่หลายมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้รหัสผ่านซ้ำ และเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทักษะด้านเทคนิคสูง
Gemini ถูกรวมเข้ากับเบราว์เซอร์ Chrome
Google ยังได้นำ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI หลักของบริษัท เข้ามาอยู่ในเบราว์เซอร์ Chrome เพื่อช่วยผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น:
ผู้ใช้สามารถใช้ Gemini เพื่อ ถามคำถามเกี่ยวกับแท็บที่เปิดอยู่ เช่น สรุปข้อมูลในหน้าเว็บ หารายละเอียดเฉพาะ หรือเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายแหล่ง
Gemini จะปรากฏเป็นแถบหรือเมนูใหม่ที่ด้านบนของ Chrome ทำให้การเข้าถึงคำแนะนำของ AI ทำได้สะดวกและไม่รบกวนการใช้งานหลัก
การทำงานของ Gemini ใน Chrome ช่วยประหยัดเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล ย่อหน้าเอกสาร หรือข้อมูลในฟอร์มต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องคัดลอก-วาง
การผสาน Gemini เข้ากับ Chrome คือก้าวสำคัญที่เปลี่ยนเบราว์เซอร์จากเครื่องมือสำหรับ “การเข้าถึงข้อมูล” ไปสู่เครื่องมือสำหรับ “การทำงานร่วมกับ AI”