Adobe ประกาศซื้อกิจการ Figma ซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบ UX/UI ยอดนิยม
อะดูบี (Adobe) บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบชั้นนำของโลกประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท ฟิกม่า (Figma) บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบ UX/UI ยอดนิยม เตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์การออกแบบดิจิทัล การเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นบริษัท อะดูบี (Adobe) ได้ใช้เงินสดและหุ้นของบริษัทอย่างละครึ่งซื้อกิจการบริษัท ฟิกม่า (Figma) มูลค่า 740,000 ล้านบาท นับเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีมูลค่าสูงมากที่สุดในโลก อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัท อะดูบี (Adobe)
บริษัท ฟิกม่า (Figma) มีชื่อเสียงจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบ UX/UI หรือการออกแบบส่วนหน้าจอการใช้งานของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ส่วนที่ต้องมีการติดต่อผู้ใช้งาน ฟิกม่า (Figma) มาพร้อมจุดเด่นในด้านการทำงานที่รวดเร็วผ่านเว็บไซต์และซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เชื่อมต่อผู้ใช้งานแบบออนไลน์สามารถทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ปัจจุบันนักออกแบบ UX/UI ในบริษัทชั้นนำของโลก เช่น Airbnb, agoda, Google, Herman Miller และ Microsoft รวมถึงบริษัทชั้นนำในประเทศไทยต่างใช้ซอฟต์แวร์ฟิกม่า (Figma)
Figma คือ ซอฟต์แวร์ได้รับความนิยมในกลุ่มนักออกแบบ UX/UI
การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้นักออกแบบ UX/UI ใช้รูปแบบการทำงานจากที่บ้านผ่านออนไลน์ ส่งผลให้ซอฟต์แวร์ฟิกม่า (Figma) ที่มีจุดเด่นในด้านการใช้งานแบบออนไลน์เรียลไทม์ได้รับความนิยมสูงสุด ตัวอย่างการใช้งาน เช่น เมื่อนักออกแบบ UX/UI สร้างหน้าจอของแอปพลิเคชันขึ้นมาบนฟิกม่า (Figma) นักออกแบบคนอื่น ๆ สามารถมองเห็นการทำงานและรายละเอียดอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นหรือร่วมกันแก้ไขชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว
บริษัท ฟิกม่า (Figma)
บริษัท ฟิกม่า (Figma) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโกก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยดีแลน ฟิล์ม (Dylan Field) และอีวาน วัลลัค (Evan Wallace) และได้รับความนิยมในกลุ่มนักออกแบบ UX/UI จำนวนมาก ก่อนหน้านี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทระดมทุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 370,500 ล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าการเข้าซื้อกิจการบริษัทในครั้งนี้ที่มีมูลค่า 740,000 ล้านบาท แพงเกินไปส่งผลให้มูลค่าหุ้นของบริษัท อะดูบี (Adobe) ลดลง 18% ภายหลังข่าวการเข้าซื้อกิจการถูกเปิดเผยออกมาและเป็นร่วงลงของราคาหุ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี ของบริษัท
ที่มาของข้อมูล news.adobe.com bloomberg.com
ที่มาของรูปภาพ