ฮูชี้คนไทยรอดโควิด-19 เพราะเชื่อใจกัน อนุทินย้ำสงครามโรคนี้ยังไม่ยุติ
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่สำนักงานทีโอที แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “พลังพลเมืองตื่นรู้…สู้วิกฤตสุขภาพ” จัดโดยคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และภาคีเครือข่าย
นายอนุทิน กล่าวว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี โดยทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 73 ล้านราย แต่ประเทศไทยพบผู้ป่วยประมาณ 4,200 รายเท่านั้น และหากนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพียง 18 ราย ขณะที่อีก 1,000 ราย ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ แม้ในช่วงแรกประเทศไทยจะถูกจับตามองว่าอาจเป็นศูนย์กลางการระบาดต่อจากประเทศจีน หากแต่ด้วยมาตรการที่จริงจังของรัฐ ศักยภาพของระบบสาธารณสุขและความร่วมมือของคนไทย ทำให้ประเทศยืนหยัดต่อสู้กับโควิด-19 มาได้จนได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก และนานาชาติ
“ความสำเร็จนี้เกิดจากความสามารถของแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคเอกชน และประชาชน แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมีเอกภาพ รวดเร็วและมีคุณภาพ ตั้งแต่หัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และภาคประชาสังคม อย่างไรก็ตามยังต้องผนึกกำลังกันให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะต่อไปในอนาคตจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคหลายประการ เพื่อให้การประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจดำเนินไปได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การดำเนินงานเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพ และการยับยั้งควบคุมโรคจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาระบบสาธารณสุขนั้น ไม่ใช่ความสูญเสียหรือความสิ้นเปลือง แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญในระยะยาวเพื่อพัฒนาความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และ ‘สงครามโรคครั้งนี้ ยังไม่ยุติ’ การปรับตัวใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอล (New Normal) จึงเป็นสิ่งจำเป็น การเว้นระยะห่างทางสังคม ลดการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมากเป็นเวลานาน จะเป็นวัคซีนทางสังคมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ได้
ด้าน นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวปาฐกถาพิเศษผ่านระบบออนไลน์ ว่า ขอชื่นชมประเทศไทยที่ผนึกกำลังทั้งภาครัฐ และภาคสังคม รวมทั้งมีมาตรการที่รอบด้าน ทำให้สามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้เป็นที่น่ายกย่อง และยังกล่าวถึงสมัชชาสุขภาพของไทยว่า เป็นตัวอย่างที่ทรงพลัง ทำให้เกิดกลไกการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วมในระดับชาติ ซึ่งนำไปสู่ความเชื่อมั่นและไว้ใจกันระหว่างภาครัฐกับประชาชน ความเชื่อมั่นและความเนื้อเชื่อใจกันนี้เอง เป็นสิ่งจำเป็นในช่วงวิกฤต
“เรื่องราวของสมัชชาสุขภาพของไทย ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผลงานเด่นที่จะบันทึกลงในคู่มือขององค์การอนามัยโลก เราตัดสินใจโดยไม่ลังเลที่จะนำเสนอเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสังคมเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจากภาคีเครือข่ายหลากหลาย ผ่านเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะเผยแพร่ไปทั่วโลกในเร็วๆ นี้” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าว