SCGP ลงทุน 600 ล.ซื้อหุ้น 2 บริษัท แพคเกจจิ้งใน UK-อุปกรณ์การแพทย์ อิตาลี
#SCGP #ทันหุ้น - SCGP ลงทุน 475 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 100% ในธุรกิจผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ในสหราชอาณาจักร และลงทุน 125 ล้านบาท ซื้อหุ้น 85% ในธุรกิจอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ ในประเทศอิตาลี
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
“SCGP ดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดระดับโลก และการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและต่อยอดธุรกิจได้ทั้ง Value Chain โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากทั้ง 2 ดีล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป” นายวิชาญ กล่าว
SCGP แจ้งการเข้าซื้อหุ้น (Merger and Partnership: M&P) ใน 2 บริษัทใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Law Print and Packaging Management:
SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ใน Law Print & Packaging Management Limited (หรือ "Law Print") ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มีที่ตั้งอยู่ใน Stockport สหราชอาณาจักร โดยจะชำระเงินทั้งสิ้น 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 475 ล้านบาท) สำหรับการเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ดังกล่าวทันที ธุรกรรมข้างต้นจะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. (หรือ "SCGPSS") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Law Print ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566
Law Print ให้บริการโซลูซันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การจัดพิมพ์ การตรวจสอบรับประกันคุณภาพ ตลอดจนการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้ผลิตและผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 570 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 125 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 300 ล้านบาท ณ วันสิ้นปีงบการเงิน วันที่ 31 ธันวาคม 2565
Law Pint มีจุดเด่นในการตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อลูกค้ากับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวที่มีคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหาสินค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP ให้แก่ลูกค้าจากสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นในทวีปยุโรป (รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมตามเว็บไซต์ www.lawprintpack.co.uk)
โครงการลงทุนข้างต้นจะช่วยขยายช่องทางการขายและเครือข่ายลูกค้าของ SCGP โดยมุ่งเน้นที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของ SCGP ตลอดห่วงโซ่อุปทาน นำไปสู่ส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายของ Law Print
นอกจากนี้ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) แก่ลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Law Print
Bicappa Lab:
SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 85 ใน Bicappa Lab S.r.L. (หรือ "Bicappa") บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตปีเปตต์ทิป (Pipette tips) โดย Bicappa ตั้งอยู่ใน Roletto ประเทศอิตาลี โดยจะชำระเงินค่าหุ้นร้อยละ 85 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3.23 ล้านยูโร (ประมาณ 125 ล้านบาท) ธุรกรรมข้างต้นจะดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (หรือ "Deltalab") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นร้อยละ 85 ทั้งนี้ Deltalab และผู้ถือหุ้นเดิมของ Bicappa มีสิทธิในการซื้อและขายหุ้นร้อยละ 15 ที่เหลือใน Bicappa ในราคาซึ่งได้คำนวณ และระบุไว้แล้วในเอกสารประกอบการทำธุรกรรม ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Bicappa ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566
โครงการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นจะช่วยเสริมแกร่งธุรกิจของ Deltalab ผ่านการขยายกิจการในลักษณะ Backward integration ด้วยการจัดหา Pipette tips ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าประเภทอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการที่สำคัญในธุรกิจของ Deltalab
ทั้งนี้ Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในขั้นตอนการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ ความก้าวหน้าทางวิทยาการดังกล่าวจะช่วยให้ Deltalab สามารถขยายกิจการเข้าสู่ธุรกิจ Pipette tips ได้ทันที พร้อมกับเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ (Polymer injection technology) สำหรับ Auto-pipetting และการดำเนินธุรกิจด้วยระบบอัตโนมัติ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฎิบัติการอื่น ๆ ของ Deltalab ผ่านฐานลูกค้าของ Bicappa อีกด้วย
ปัจจุบัน Bicappa มีสายการผลิตแม่พิมพ์สำหรับขึ้นรูปพลาสติกทั้งหมด 12 สายการผลิต (สำหรับรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมมีปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.bicappalab-ips.it ) ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 Bicappa มีรายได้ 3 ล้านยูโร (ประมาณ 115 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 0.62 ล้านยูโร (ประมาณ 23.5 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 2.4 ล้านยูโร (ประมาณ 90 ล้านบาท)
SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองกระแสความนิยมที่เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่น ๆ โดยมีฐานการดำเนินงานรวมกว่า 50 แห่งในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร สเปน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา สำหรับรายละเอียดข้อมูลบริษัทเพิ่มเติมมีปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.SCGPackaging.com
โครงการลงทุนดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งบริษัทย่อยสองบริษัท ที่มีขนาดรายการเท่ากับร้อยละ 0.3 ของมูลค่าของสินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCGP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยเมื่อรวมกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6เดือนก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการนี้จะเท่ากับร้อยละ0.8ดังนั้นการรายงานสารสนเทศข้างต้นจึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทวัพย์ และไมใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน