ทำไมแฟนคลับ k-Pop เคลื่อนไหวการเมืองในสหรัฐฯ
วันนี้ ( 23 มิ.ย. 63 )จากกรณีที่กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้ TikTok และกลุ่มแฟนคลับศิลปินเค-ป๊อบ รณรงค์ให้ผู้คนลงทะเบียนรับตั๋วเข้างานหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หาเสียงแต่ไม่ต้องไปร่วมงานจริง ทำให้ผู้คนสงสัยว่า แฟนคลับศิลปินเค-ป็อบของเกาหลี ไปเกี่ยวข้องอย่างไรกับการเคลื่อนไหวต่างๆในสหรัฐฯช่วงนี้
กลุ่มแฟนคลับศิลปินเค-ป็อบ ที่ประกอบไปด้วยคนหนุ่มสาวนานาประเทศ มีพื้นที่ของพวกเขาบนสื่อสังคมออนไลน์อยู่แล้ว และมักสร้างปรากฏการณ์เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ศิลปินของพวกเขาขึ้นท็อปเทรนด์ในสื่อสังคมออนไลน์ การติดชาร์ทเพลง การขายบัตรที่หมดเกลี้ยงไม่ว่าจะเป็นที่เกาหลีใต้ ไปจนถึงลอสแองเจลิส หรือนิวยอร์ก
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้มีการระบาดของโควิด-19 การเตรียมเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประท้วงเพื่อต้อต้านการเหยียดผิว ทำให้กลุ่มแฟนคลับศิลปินเค-ป๊อบสามารถขยายอิทธิพลของพวกเขามาสู่พื้นที่ใหม่นั่นก็คือ การเมืองสหรัฐฯ
พวกเขาใช้สื่อสังคมออนไลน์เช่น ทวิตเตอร์ และ TikTok เชิญชวนให้ประชาชนสมัครขอบัตรเข้างานหาเสียงของนายทรัมป์ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสามเดือนที่เมืองทัลซา รัฐโอกลาโฮมา โดยให้ผู้คนแห่กันจองตั๋ว เพื่อให้ทีมหาเสียงทรัมป์เข้าใจผิดว่ามีคนต้องการมาร่วมงานมาก แต่ไม่ต้องไปปรากฎตัวในวันจริง
Adaeze Agbakoba สาวแอฟริกันอเมริกันวัย 21ปี ซึ่งเป็นแฟนคลับของวงบีทีเอส จากวอชิงตันระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอสังเกตได้ว่ากลุ่มแฟนคลับมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างมาก นั่นคงเป็นเพราะกลุ่มแฟนคลับ BTS มีความหลากหลายทางประชากรศาสตร์
เธอบอกว่า พวกเรามีกันหลายสิบล้านคน ผลการสำรวจพบว่า คนส่วนใหญ่ใน BTS Army นั้นมีอายุระหว่าง 18 -30 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษา ไปจนถึงคนวัยทำงานที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และมักติดตามข่าวสารต่างๆ
ทำไมกลุ่มแฟนคลับเค-ป๊อบจึงไม่ชอบทรัมป์ ?
Michael Hurt นักสังคมศาสตร์เชื้อสายอเมริกันเกาหลีจาก Korea National University of Arts ระบุว่า แฟนคลับเค-ป๊อบ นั้นมีความเป็นเสรีนิยม และสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง พวกเขาไม่ชอบการเมืองแบบคนยุคเบบี้บูม การปัดความรับผิดชอบ ทัศนคติแบบล้าหลัง แบบที่ทรัมป์เป็น
นอกจากนี้ กลุ่มแฟนคลับเค-ป็อบ ยังอายุน้อย มีความเป็นสากล เชี่ยวชาญเรื่องดิจิทัล และยังมีความหลากหลายทางประชากรศาสตร์ ซึ่งคนในกลุ่มดังกล่าวไม่ชอบการที่ทรัมป์มักพูดจาเลือกปฏิบัติ
ที่สำคัญ นาย Hurt ระบุว่า กลุ่มคนที่โตมาในยุคดิจิทัลนี้ รู้ดีว่าจะใช้ดิจิทัลโจมตีอย่างไรมากกว่าคนวัยอื่น ซึ่งคนที่จะโจมตีทรัมป์แคมเปญในทางออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็หนีจะไม่พ้น BTS Army นั่นเอง
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในการประท้วง Black Lives Matter กลุ่มสาวกวงเค-ป็อบ ทั้ง BTS Black Pink ยังได้อ้างความสำเร็จในการทำให้แอปพลิเคชั่นของตำรวจเมืองดัลลัสล่มด้วย ซึ่งแอปดังกล่าว เปิดให้ประชาชนสามารถส่งวีดีโอพฤติกรรมต้องสงสัยของตำรวจเข้ามาแจ้งได้ แต่กลุ่มแฟนๆเค-ป๊อบต่างพากันส่งวีดีโอศิลปินที่ชื่นชอบไปแทน นอกจากนี้ยังหากันไปถล่ม #WhiteLivesMatter ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัด และเหยียดผิว อีกด้วย
ทั้งนี้ ก่อนแฟนๆ เคป็อบจะมีเรื่มเคลื่อนไหวทางการเมือง พวกเขาเชี่ยวชาญด้านการใช้สื่อสังคมออนไลน์มาก่อนอยู่แล้ว ในในแง่การโปรโมท และปกป้องศิลปินที่พวกเขารัก
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เผยว่า กลุ่มแฟนๆเค-ป็อบ ทวีตข้อความมากที่สุดในโลก โดยในปี 2019 มีการทวิตข้อความมากกว่า 6.1 พันล้านทวีต และวง BTS เป็นวงที่มีการทวีตถึงมากที่สุดในโลกติดต่อกันสามปี
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline