'อียู' ไฟเขียววัคซีนโควิด-19 สกัดยอดพุ่ง-เชื้อกลายพันธุ์
บรัสเซลส์, 22 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.) สหภาพยุโรป (EU) ประกาศอนุญาตการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) ภายในกลุ่มประเทศสมาชิก หลังการประเมินทางวิทยาศาสตร์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) แสดงผลลัพธ์เชิงบวก
"เราอนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวแรกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ส่วนวัคซีนตัวอื่นๆ จะตามมาเร็วๆ นี้ โดยปริมาณวัคซีนที่ได้รับอนุมัติในวันนี้จะครอบคลุมการใช้งานสำหรับทุกประเทศสมาชิกอียูภายใต้เวลาและเงื่อนไขเดียวกัน" เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ลาเยน ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวแถลงการณ์จากอียูระบุว่าวัคซีนโดสแรกจะถูกส่งมอบในวันที่ 26 ธ.ค. เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเริ่มฉีดวัคซีนได้ในวันที่ 27 ธ.ค. และคาดการณ์ว่าวัคซีนรวม 200 ล้านโดสจะถูกแจกจ่ายภายในเดือนกันยายน 2021 พร้อมด้วยวัคซีนทางเลือกอีก 100 ล้านโดสด้านอีเมอร์ คุก หัวหน้าองค์การฯ แถลงทางออนไลน์ว่าการประเมินที่เป็นไปในทางบวกได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดจากการทดลองทางคลินิกมากกว่า 40,000 ครั้ง โดยวัคซีนสามารถฉีดให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปการประเมินและการอนุญาตวางตลาดอย่างมีเงื่อนไขเกิดขึ้นหลังการตรวจพบเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งพบในสหราชอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้หลายประเทศกำหนดข้อจำกัดเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักร โดยคุกกล่าวว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าวัคซีนตัวนี้จะไม่สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์นี้ได้ก่อนหน้านี้องค์การฯ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม วางแผนจะอนุมัติการฉีดวัคซีนในวันที่ 29 ธ.ค. แต่เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วยุโรป ทำให้การฉีดวัคซีนกลับกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้น อีกทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ได้เริ่มอนุมัติการฉีดวัคซีนตัวเดียวกันนี้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแล้วทั้งนี้ รายงานประจำสัปดาห์ฉบับล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) ชี้ว่าการระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้คร่าชีวิตประชาชนแล้วราว 375,930 ราย ในกลุ่มประเทศอียูและเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) รวมถึงสหราชอาณาจักร