ครูมัทเสียชีวิตจากภาระงานซ้ำซ้อน จุดชนวน #Saveครูการเงิน สะเทือนวงการศึกษา

ครูการเงินตายทั้งเป็น ก่อนเสียชีวิต? เสียงสุดท้ายจากระบบที่ไม่เปลี่ยน
เมื่อภาพไว้อาลัยคุณครูอนุสรา ชวนรัมย์ หรือ “ครูมัท” ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมคำว่า “ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม” มันไม่ใช่เพียงความเศร้าของครอบครัว หรือโศกนาฏกรรมของบุคคลหนึ่ง แต่คือคำถามต่อทั้งระบบการศึกษาไทยว่า เรากำลังปล่อยให้ครูแบกรับอะไรเกินกว่าหน้าที่จริงหรือไม่
เบื้องหลังความเงียบที่เจ็บลึก
ครูอนุสรา วัย 39 ปี ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง พร้อมทิ้งจดหมายระบุชัดถึงความเหนื่อยล้าจากการต้องรับผิดชอบงานด้านการเงินและบัญชี ควบคู่กับหน้าที่สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียน งานที่เธอทำมาโดยไม่มีทางเลือกอื่น เพราะโรงเรียนขาดบุคลากรสนับสนุน
เสียงสุดท้ายของเธอฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ “เห็นใจครูที่ต้องทำงานการเงินในโรงเรียน” ซึ่งแม้จะเป็นเพียงประโยคเดียว แต่กลับบอกเล่าปัญหาทั้งระบบที่ยังไม่มีใครกล้าแก้จริงจัง
เมื่อคำว่า ‘ครู’ กลายเป็นภาระรอบด้าน
ในความเป็นจริง ครูไทยจำนวนมากไม่ได้มีภาระเพียงงานสอน แต่ยังต้องทำงานธุรการ เขียนโครงการ จัดกิจกรรม ต้อนรับผู้ใหญ่ เตรียมเอกสารประเมิน และงานพัสดุที่ควรเป็นของเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง บางคนต้องทำหน้าที่ดูแลอาคารสถานที่ หรือจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ไม่มีความรู้พื้นฐานด้านบัญชี
จากข้อมูลการสำรวจ พบว่าครูไทยกว่าร้อยละ 95 ต้องทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และมากกว่าครึ่งใช้เวลาไปกับงานที่ไม่เกี่ยวกับการสอนเกิน 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เทียบเท่ากับการเสียเวลาในห้องเรียนไปวันหนึ่งเต็ม ๆ ทุกสัปดาห์
โศกนาฏกรรมที่ไม่ใช่ครั้งแรก
กรณีการเสียชีวิตของครูจากความเครียดและภาระงานไม่ใช่เรื่องใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สื่อหลายแห่งเคยรายงานกรณีครูฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สิน ความเครียดจากการประเมินซ้ำซ้อน หรือแรงกดดันจากผู้บริหาร ซึ่งล้วนแต่เป็นผลลัพธ์จากภาระงานแฝงที่ไม่เคยได้รับการคลี่คลายเชิงโครงสร้าง
ในครั้งนี้ ความสูญเสียของครูอนุสรา ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวผ่านแฮชแท็ก #Saveครูการเงิน และแคมเปญจากกลุ่มครูและประชาชนที่เรียกร้องให้ยุติการใช้ครูเป็น “แรงงานเอนกประสงค์” โดยไม่มีระบบสนับสนุนที่เพียงพอ
กระทรวงศึกษาธิการกับคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
แม้จะมีความพยายามลดภาระงานครูในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น การเสนอให้มีเจ้าหน้าที่ธุรการ หรือการปรับเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่ แต่ในทางปฏิบัติ ครูในโรงเรียนขนาดเล็กหรือพื้นที่ห่างไกลยังคงต้องทำทุกอย่างเหมือนเดิม
คำแถลงจากกระทรวงศึกษาธิการในหลายกรณีที่ผ่านมามักเน้นว่า “รับทราบและเห็นใจ” แต่คำถามคือ เหตุใดถึงยังไม่มีมาตรการที่เห็นผลเป็นรูปธรรม และเหตุใดครูต้องส่งเสียงผ่านจดหมายลา ถึงจะมีคนฟัง?
ขอให้ ‘ครั้งสุดท้าย’ ไม่ใช่แค่คำอธิษฐาน
ข้อความในภาพไว้อาลัยที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางระบุว่า “เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เราขอให้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?” เป็นถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและเจ็บลึก
หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างภาระงาน หากโรงเรียนยังขาดบุคลากรสนับสนุน หากยังไม่มีระบบดูแลสุขภาพจิตครูอย่างเป็นระบบ—เหตุการณ์เช่นนี้ก็อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
และหากเสียงสุดท้ายของ “ครูมัท” ยังไม่เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นั่นอาจเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ระบบการศึกษาที่ไม่มีพื้นที่ให้ครูหายใจ ก็คือระบบที่ผลักครูให้จบชีวิตอย่างเงียบงัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
