หยุดวงจร "แป๊ะเจี๊ยะ" วังวน ‘ทุจริต’ ในโรงเรียนไทย กับดักทำลายความเท่าเทียม
การทุจริตในสถานศึกษา โดยเฉพาะการรับสินบนเพื่อแลกกับการรับนักเรียนเข้าเรียน หรือที่เรียกกันว่า "เงินแป๊ะเจี๊ยะ" เป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของระบบการศึกษาไทย ล่าสุด ป.ป.ช.ขอนแก่น ได้จับกุมรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ขณะกำลังรับเงินแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองถึง 10,000 บาท ทั้งที่ค่าเทอมปกติอยู่ที่ 2,500 บาท และยังพบหลักฐานการรับเงินจากนักเรียนย้ายเข้ากว่า 70 คน ตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท ซึ่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำจริง
ย้อนตัวเลขการทุจริตในสถานศึกษาไทย: สะท้อนปัญหาเชิงระบบ
------------------------------------------------------
ข้อมูลการร้องเรียน
จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่าในปี 2566 มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในสถานศึกษาจำนวนกว่า 1,000 เรื่อง
ตัวอย่างข่าวการทุจริต
ปี 2566
รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง รับเงินแป๊ะเจี๊ยะ
รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งถูกจับกุมฐานเรียกรับเงินจากผู้ปกครองจำนวนมาก เพื่อแลกกับการรับนักเรียนเข้าเรียน พบหลักฐานเป็นสมุดบันทึกนักเรียนที่ย้ายเข้ามาหลายสิบคน โดยเรียกเก็บเงินในจำนวนที่แตกต่างกันไป
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง รับเงินแลกเข้าเรียน
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งถูกจับกุมฐานเรียกรับเงินจากผู้ปกครองเพื่อแลกกับการรับนักเรียนเข้าเรียน โดยใช้วิธีการเรียกรับเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมปกติ
ปี 2565
ครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ยักยอกเงินบริจาค
ครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งถูกจับกุมฐานยักยอกเงินบริจาคของโรงเรียนเป็นจำนวนมาก
ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ยักยอกเงินอาหารกลางวัน
ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งถูกจับกุมฐานยักยอกเงินงบประมาณอาหารกลางวันนักเรียน
รูรั่วระบบการศึกษาไทย! ช่องโหว่เอื้อต่อการทุจริต
จากข้อมูลและตัวอย่างข่าวข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการทุจริตในสถานศึกษาไทยที่ยังคงมีอยู่และมีความรุนแรง สาเหตุหลักมาจากช่องโหว่ของระบบการศึกษาที่เอื้อต่อการทุจริต เช่น ระบบคัดกรองนักเรียนที่ขาดความโปร่งใส การกำกับดูแลที่ไม่เข้มงวด และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
หนึ่งในช่องโหว่สำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริต คือ การขาดกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ โรงเรียนหลายแห่งไม่มีระบบติดตามการรับ-จ่ายเงินที่โปร่งใส ทำให้เกิดช่องว่างให้มีการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน นอกจากนี้ ความไม่เท่าเทียมในคุณภาพการศึกษา ทำให้ผู้ปกครองบางส่วนยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าให้ลูกหลาน จึงเอื้อให้เกิดการทุจริตได้ง่ายขึ้น
กำจัดทุจริต สร้างความโปร่งใส ยกระดับคุณภาพ
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องปฏิรูประบบการศึกษาในหลายมิติ เริ่มจากการสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ โดยอาจนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบการเงิน และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและทุจริต
ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ทัดเทียมกันในทุกพื้นที่ เพื่อลดแรงจูงใจในการจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ โดยรัฐอาจต้องเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาให้เพียงพอ พร้อมทั้งพัฒนาครูและบุคลากร ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
นอกจากนี้ ยังควรมีมาตรการเชิงลงโทษที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริต อาจออกกฎหมายหรือระเบียบที่กำหนดบทลงโทษทางอาญาและปรับเงินสูงสุด สำหรับผู้ที่เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ และให้สามารถไล่ออกจากราชการได้ทันที หากพบว่ามีความผิดจริง
สุดท้าย กระบวนการสอบสวนและพิจารณาโทษผู้กระทำผิด ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม โดยยึดหลักนิติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมว่า จะสามารถนำตัวผู้ทุจริตมาลงโทษได้จริง และป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามบานปลายจนยากต่อการแก้ไข
การทุจริตในโรงเรียนเป็นเรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อโอกาสทางการศึกษาของเด็ก และบั่นทอนคุณภาพชีวิตในระยะยาว ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ และเป็นธรรม อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต