รีเซต

MALEE โบรกฯ ชี้ระยะสั้นงบไม่เด่น กำไรกลับมาฟื้นคืนชีพ Q1/68

MALEE โบรกฯ ชี้ระยะสั้นงบไม่เด่น กำไรกลับมาฟื้นคืนชีพ Q1/68
ทันหุ้น
27 พฤศจิกายน 2567 ( 15:00 )
7

#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้น บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE มีเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (26 พ.ย. 2567) มีมุมมองเป็นบวก แต่ระยะสั้นงบไม่เด่น คาดกำไรปกติใน Q4/67 เบื้องต้นชะลอตัวลงทั้ง QoQ และ YoY 

 

โดยสาเหตุหลักมาจากการเข้าสู่ช่วง Low season ประกอบการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรในช่วงต้นเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา และรายได้จาก OEM ที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่เร่งตัวขึ้น จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้นเพื่อทำการโปรโมทสินค้าใหม่ในประเทศที่ออกมามากในช่วง Q4/67 อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -23% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนปัจจัยลบประเด็นแนวโน้มผลกำไรที่อ่อนแอไปแล้ว

 

Rough Valuation ฝ่ายวิจัยประเมินว่าแนวโน้มกำไรในปี 2567 ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับกรณี  Base case เดิมที่ 300 ลบ. ขณะที่ทั้งรายได้ และ GPM ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ในปี 2568 ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปกติโดยแบ่งเป็น Case scenario ซึ่งกรณีที่แย่ที่สุด คาดกำไรปี 2567 ที่ 360 ลบ. (+20.0% YoY) คิดเป็น EPS ที่ 0.66 บาท, กรณีปกติที่ 390 ลบ.  (+30.0% YoY) คิดเป็น EPS ที่ 0.71 บาท และกรณีดีที่สุดที่ 420 ลบ. (+40.0% YoY) คิดเป็น  EPS ที่ 0.77 บาท 

 

โดยใช้กรอบ PER ที่ 15 - 25 เท่า อิงจาก Valuation ของหุ้นกลุ่ม เครื่องดื่มในปัจจุบัน ส่งผลให้ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 เบื้องต้นในกรอบ 9.90 -19.20 บาท โดยกรณีที่แย่ที่สุดที่ 9.90 บาท, กรณีที่ดีที่สุดที่ 19.20 บาท และในกรณีปกติที่ เป็นไปได้อยู่ที่ 14.30 บาท

 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มกำไรปกติ Q1/68 เบื้องต้นจะกลับมาเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จากรายได้ที่คาดจะเร่งตัวขึ้น เริ่มเห็นผลจากการทำการตลาด และการได้ลูกค้ารายใหม่ รวมถึงการผ่านพ้นช่วง Low Season ธุรกิจ เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในประเทศ

 

ส่วนปี 2568 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ไม่น้อยกว่า Double Digit หนุนจาก 1) การเร่งขยายสินค้าแบรนด์ของบริษัท (Own branded) ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในจีนที่จะขยายช่องทางจัดจำหน่าย และมีโอกาสในการได้ลูกค้ารายใหม่ รวมถึงประเทศเกาหลีใต้ และการเริ่มนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าปลีกต่างๆ ทั้งในกลุ่มประเทศใหม่ อาทิ สหรัฐฯ, มาเลซีย และกัมพูชา 2) ส่วนธุรกิจในประเทศบริษัทวางแผนออกสินค้าใหม่ไม่น้อยกว่า 1-2 SKUs โดยจะเป็นสินค้ากลุ่มน้ำผลไม้ที่เพิ่มเติมคุณสมบัติพิเศษให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด 3) ธุรกิจ OEM ที่มองว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหญ่ คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง Q2/68 -Q3/68 เป็นต้นไป

 

ผู้บริหารมองว่าตลาดน้ำมะพร้าวในจีนเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ยังพื้นที่สำหรับการเติบโตอีกมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนประชากรที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ประชากรจีนยังมีการบริโภคน้ำผลไม้ต่อประชากรอยู่ที่ 1 กก./คน/ปี ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำหากเทียบกับค่าเฉลี่ยของประชากรโลกที่มีการบริโภคมากถึง 7 กก./คน/ปี

 

นอกจากนี้ผู้บริหารยังมองว่า GPM ในปี 2568 จะยังสามารถขยายตัว YoY ได้ต่อเนื่อง แม้แนวโน้มราคาต้นทุนวัตถุดิบทั้งส้มและมะพร้าวจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่จะชดเชยได้จาก U-rate ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามยอดขาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scales) และ Product Mix โดยรวมที่ดีขึ้นจากการเน้นการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้น ขณะที่ SG&A ในปี 2568 มองว่ายังสูงขึ้นกว่าปีก่อน จากการทำการตลาดเพื่อโปรโมทแบรนด์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า SG&A/Sales จะยังสามารถทรงตัว YoY ได้ จากสัดส่วนรายได้ที่เติบโต รวมถึงจากการปรับปรุงโครงสร้างเพิ่มเติมของบริษัท ABICO ที่จะมีการลดพนักงาน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไรปกติในปี 2568 ของ MALEE จะยังสามารถเติบโตได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% YoY

 

หมายเหตุ: MALEE ไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัยบทวิเคราะห์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจ ภายใต้สมมติฐานและมุมมองของฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) เพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน มิได้มีการศึกษาข้อมูลเชิงลึกแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนมากกว่าปกติ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง