"ฟอร์ด" (Ford) ประกาศลดพนักงาน 3,000 ตำแหน่ง เดินหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV
"ฟอร์ด มอเตอร์" (Ford) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ประกาศลดพนักงาน 3,000 ตำแหน่ง ส่วนใหญ่ประจำอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอินเดีย เพื่อลดต้นทุนและเปลี่ยนไปพัฒนารถยนต์จากใช้เชื้อเพลิงไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
อีเมลที่ผู้บริหารส่งให้พนักงานเมื่อวันจันทร์ ระบุว่า ตำแหน่งที่จะถูกตัดลด เป็นพนักงานเต็มเวลา 2,000 คน หรือราว 6% ของพนักงานสำนักงานทั้งหมดของ "ฟอร์ด มอเตอร์" จำนวน 31,000 คน ในสหรัฐฯ และแคนาดา กับพนักงานชั่วคราวอีก 1,000 คนในอินเดีย
ส่วนพนักงานฝ่ายผลิตที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานรถยนต์ 56,000 คน จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ผลิตรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียมมานานกว่า 100 ปี
ก่อนหน้านี้ สื่อสหรัฐฯ หลายสำนักรายงานว่า "ฟอร์ด" ซึ่งมีลูกจ้างอยู่ทั่วโลกราว 182,000 คนนั้น กำลังเตรียมปรับลดพนักงานลงหลายพันอัตรา
ขณะที่ จิม ฟาร์ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของฟอร์ด ให้ความเห็นมาตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่า "ฟอร์ด" มีพนักงานมากเกินไป และส่วนใหญ่มีความสามารถไม่ตอบโจทย์ต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ใช้เชื้อเพลิง ไปมุ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV และบริการทางดิจิทัล
"ฟอร์ด มอเตอร์" เคยประกาศแผนที่จะทุ่มเงินราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2026 และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา "ฟอร์ด" ยังเผยแผนที่จะตัดงบการผลิตรถยนต์แบบเดิมสูงถึงปีละ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย
ทั้งนี้ การเผชิญความท้าทายจากบริษัท "เทสลา" ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวอเมริกัน และบริษัทสตาร์ตอัพอื่นๆ ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ค่ายผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมหลายเจ้า ต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ของตนเองในการหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแข่งขันในตลาดโดยเร็ว.
ภาพจาก Reuters