สรุปประชุม APEC เผยระบบพหุภาคี ทำให้ไทยกลับสู่แผนที่โลก

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สรุปการประชุมความร่วมมือเศรษฐิจเอเชีย แปซิฟิค หรือ เอเปค ว่าการที่ประเทศไทยมาประชุมเอเปค ซึ่งคือการร่วมมือของ 21 เขตเศรษฐกิจ ในกรอบภูมิภาคีของเอเชียแปซิฟิก ทางไทย และกระทรวงต่างประเทศย้ำโดยตลอดว่า สนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมซึ่งมีการขับเคลื่อนโดยการค้าเสรี ท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน ที่ภูมิรัฐศาสตร์มีความผันผวน และมีสหรัฐอเมริกาที่ทำการดำเนินการฝ่ายเดียว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตนเอง
ดังนั้นการประชุมทั้ง 2 กรอบที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเอเปค และประชุมสุดยอดอาเซียน เป็นการร่วมมือต่อเนื่องที่พิสูจน์ว่าระบบพหุภาคีนิยมยังดำเนินต่อไปได้ ซึ่งนิกรเดชก็ชี้ว่า สหรัฐฯ ได้เข้าร่วมประชุมทั้งสอง แม้จะบอกว่าไม่ต้องการเข้าร่วมในการเจรจา FTA ที่มีหลายฝ่าย และเลือกแนวทางภาษีต่างตอบแทน แต่สุดท้ายก็เห็นได้ว่า สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ทิ้งโครงสร้างของระบบพหุภาคีเสียทีเดียว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำว่า การประชุมเหล่านี้ต่อเนื่องกัน ทำให้ไทยได้กลับมาอยู่ในแผนที่โลก และเห็นชัดว่าเราได้เข้าไปปรากฏตัว ผลักดันระเบียบวาระหนึ่งในกรอบภูมิภาค ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่า ไทยได้รับความยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยในเวทีอาเซียน ไทยผลักดันเรื่องที่ชัดเจนที่สุด คือ อาชญากรรมข้ามชาติว่าเป็นวาระแห่งชาติไทย แต่ก็เป็นวาระของโลกด้วย
ซึ่งจำเป็นจะต้องมีความร่วมมือระหว่างประชาคมโลกระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหา
นิกรเดชเผยว่า จากการประชุม ทั้ง 10 ประเทศอาเซียน และ 10 ประเทศที่เป็นคู่เจรจา ต่างก็ให้การสนับสนุนไทย และต่อยอดมาในการประชุมเอเปค ที่ไทยย้ำประเด็นนี้ต่อเนื่อง ก็ได้รับการสนับสนุนจาก 21 เขตเศรษฐกิจในเอเปคเช่นกัน จึงเป็นการต่อยอดเสนอตัวให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติระหว่างประเทศด้านการต่อต้านอาชญากรรม ข้ามชาติ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในห้วง 2 เดือนนี้ โดยมีประเทศทั้งสหรัฐฯ แคนาดา เกาหลีใต้ที่แสดงความสนใจแล้ว และจีนเองก็มีทีท่าว่าจะเข้าร่วมด้วย
โดยนอกจากประเด็นอาชญากรรมข้ามชาติ กระทรวงต่างประเทศเปิดเผยว่า ไทยผลักดันประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การที่โลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย และการเอา AI มาต่อยอดในประเด็นทั้งสอง รวมไปถึง Bangkok Goal on Bio-Circular Green Economy คือการผลักดันเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ว่าเป็นการเข้าสู่สังคมดิจิทัล โดยยังรักษาไว้ซึ่งความยั่งยืนไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
สำหรับการประชุม และพบผู้นำโลกคนสำคัญในช่วงทั้งการประชุมเอเปค และอาเซียนที่ผ่านมา รวมไปถึงการเจรจาต่างๆ ที่มีต่อเนื่อง นิกรเดชย้ำว่า ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อชาวไทย แบ่งเป็นสามประการคือ ประการแรก เป็นการให้ความมั่นใจกับประชาคมระหว่างประเทศ ว่าประเทศไทยไม่ได้สะดุด และมีความต่อเนื่องทางการเมือง
รวมไปถึงการปกครองภายในของเรายังโปร่งใส ทุกประเทศได้รับทราบว่าไทยจะมีการยุบสภา และการเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนก็ยอมรับ และชื่นชม เพราะไม่ใช่ทุกประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเป็นไปอย่างต่อเนื่องด้านเศรษฐกิจ
ประเด็นที่สอง ไทยได้แสดงบทบาทในเวทีโลก และไทยได้ประโยชน์จากการที่เราไปเสนอไอเดียต่างๆ ในที่ประชุม ไม่ว่าจะเรื่องของ FTA ที่จะทำให้เราได้เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน หรือนักท่องเที่ยวกลับคืนมา เนื่องจากทุกๆ การหารือทวิภาคี นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกุลต่างพูดถึง เรื่องการเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเรื่องสินค้าเกษตร หรือการเพิ่มห่วงโซ่มูลค่า การเพิ่มความเชื่อมโยงทางการค้า การลง ทุน การดึงดูดนักลงทุนการ โปรโมทให้มีนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาในเมืองไทย และทุกเวทีทุกประเทศต่างตอบรับในแง่บวกว่าพร้อมจะร่วมมือ
ประเด็นที่สาม คือเรื่องทางสังคม โดยกระทรวงต่างประเทศย้ำชัดเจนว่า ประชาชนคือศูนย์กลางของนโยบายของประเทศตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างประเทศ นโยบายเศรษฐกิจ นโยบายอื่นๆ โดยเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นเรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าจริงๆ เป็นวาระของโลก แต่นโยบายนี้เกิดขึ้นเพราะคนไทยได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นอยากให้ประชาชนได้ทราบว่า รัฐบาล และภาครัฐไม่เคยทิ้งประชาชน แต่ ประชาชนอยู่ตรงแกนกลางของทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
