PCC ตุนแบ็กล็อก 4.5 พันล้านบาท กางแผนชองงานใหม่ปีหน้า

#PCC #ทันหุ้น-PCC ชูไตรมาส 4/66 เข้าไฮซีซัน หนุนรายได้พีคสุด แย้มปลายปียังมีข่าวดีใหม่เพิ่มเติม อวดแบ็กล็อกในมือหนา 4.5 พันล้านบาทคาดรับรู้โค้งสุดท้ายปีนี้กว่า 1.2 พันล้านบาท มั่นใจผลงานปี 66 โตดีกว่าปีก่อนแน่นอน กางแผนปี 67 เดินหน้าชิงงานใหม่เติมพอร์ตต่อเนื่อง

นายอมร แดงโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรม และธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะมีการขยายตัวที่ค่อนข้างดี เนื่องจากตามปกติแล้วช่วงปลายปีจะเป็นไฮซีซันของธุรกิจทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่ เข้ามาเติมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากส่วนงานของภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน

*แบ็กล็อกหนา

คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 จะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 1,112 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 92 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังมีงานในมือที่รอการส่งมอบ (Backlog) รวมอยู่อีกกว่า 4,514 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นงานบริการและการก่อสร้างจำนวน 3,392 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 75.14% ส่วนที่เหลืออีกราว 24.86% หรือประมาณ 1,122 ล้านบาท เป็นรายได้จากการจำหน่าย

โดยในช่วงไตรมาส 4/2566 บริษัทคาดว่าจะมีการส่งมอบงานในมือและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้อย่างน้อย 1,244 ล้านบาท ในส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 และ 2568 ประมาณ 2,860 ล้านบาท และ 410 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หม้อแปลง ตู้สวิชช์ตัดตอนชนิดต่างๆ เข้ามาในช่วงระหว่างไตรมาสเพิ่มเติมอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2566 มีโอกาสจะได้เห็นการเซ็นสัญญารับงานโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการลงทุนของหน่วยงานการไฟฟ้า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 4,860.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 283.79 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแล้วที่ระดับ 3,356.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 238.72 ล้านบาท

*ชิงงานใหม่

สำหรับภาพรวมธุรกิจและอุตสาหกรรมในปี 2567 คาดว่าจะมีทิศทางการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ คาดว่างานโครงการใหม่ๆ ยังคงมีเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ โดยเฉพาะในส่วนของการขยายสถานีไฟฟ้า การซ่อมบำรุงสถานีไฟฟ้าเดิมของการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ที่ในแต่ละปีจะมีการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท และในแต่ละปีจะมีการสร้างสถานีไฟฟ้าใหม่รวมประมาณ 30 สถานีต่อปี แต่การซ่อมบำรุงสถานีเดิมที่ปัจจุบันมีมากกว่า 1,000 สถานีทั่วประเทศยังมีต่อเนื่อง

ส่งผลให้บริษัทคาดว่าการเติบโตของรายได้รวมในปี 2567 จะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจในการลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) การร่วมทุน (JV) เพื่อหา Synergy มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับรายได้และธุรกิจมากขึ้นในอนาคต ในช่วงที่ผ่านมาก็มีที่อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนอยู่บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ขณะเดียวกันจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการลงทุนเกี่ยวเนื่องกับรถไฟฟ้า (EV) มองว่าเป็นโอกาสที่ดีให้กับบริษัท เพราะมองเห็นความต้องการสถานีชาร์จ (Charging Station) ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายตลาดในทุกช่องทาง เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2567 จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เพิ่มเติม