รีเซต

สูดอากาศให้ชื่นใจ! โรงงานดักจับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำเนิดแล้ว!

สูดอากาศให้ชื่นใจ! โรงงานดักจับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำเนิดแล้ว!
TNN ช่อง16
10 กันยายน 2564 ( 19:12 )
138

เปิดสวิตช์ใช้งานแล้วสำหรับโรงงานดักจับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก "ORCA" โดยโรงงานแห่งนี้จะทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในจากอากาศและเก็บกักไว้ใต้ดินอย่างถาวร ก่อนจะเปลี่ยนให้เป็นแร่ โดยคาดว่ามันจะสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 4,000 ตันต่อปี

เมื่อโลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์และบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ พยายามที่จะคิดค้นวิทยาการใหม่ ๆ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนได้ หนึ่งในนั้นก็คือวิธีการดักจับอากาศโดยตรง หรือที่เรียกว่า Direct air capture (DAC) โดยบริษัท Climeworks ได้ทำการศึกษาและพัฒนาวิธีการนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2009 ระบบของพวกเขาคือการใช้พัดลมขนาดใหญ่ดึงอากาศผ่านตัวกรองดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อนำไปใช้ต่อสำหรับทำน้ำอัดลม หรือในโรงเรือนเพื่อช่วยในการปลูกผัก

จนกระทั่งในปี 2009 ได้มีทีมนักวิทยาศาสตร์จากโครงการ CarbFix ค้นพบกระบวนการที่พลิกโฉมวงการนี้ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเขาศึกษาพบปฏิกิริยาระหว่างก๊าซกับหินใต้ดิน ที่สามารถเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นแร่ธาตุแข็ง ซึ่งปกติแล้วกว่าจะเกิดขึ้นได้ต้องใช้เวลาหลายร้อยหรือหลายพันปี แต่สามารถทำได้ภายในเวลาไม่ถึงสองปีเท่านั้น การค้นพบนี้นำไปสู่ความร่วมมือของ Climeworks กับ CarbFix ที่ช่วยกันสร้างโครงการนำร่องที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้ดิน “ON Power's Hellisheidi” ในไอซ์แลนด์เมื่อปี 2017 โดยใช้ระบบ  DAC เพื่อดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ถึง 12.5 ตันภายในเวลาสามเดือนเลยทีเดียว

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในโครงการนำร่อง บริษัทจึงได้ก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่ไอซ์แลนด์ ชื่อว่า “Orca” เป็นภาษาไอซ์แลนด์แปลว่า “พลังงาน”  ซึ่งโรงงานแห่งนี้สามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 4,000 ตันในแต่ละปี เทียบเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รถยนต์ปล่อยออกมาถึง 790 คันต่อปี โดยโรงงานมีลักษณะคล้ายกับตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 8 ตู้ซ้อนกัน ที่เปิดด้านหนึ่งออกเพื่อเผยให้เห็นพัดลมยักษ์สิบสองตัว ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าเป็นโรงงานดักจับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ขนาดจริงก็ไม่ได้มโหฬารมากเท่าใดนัก


ซึ่งพัดลมเหล่านี้จะทำหน้าที่ดูดอากาศผ่านตัวกรองดูดซับเพื่อดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อตัวกรองเต็ม ระบบก็จะทำให้ตัวกรองร้อนขึ้นประมาณ 100 องศาเซลเซียส เพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับไว้ไหลผ่านท่อไปยังอาคารที่อยู่ติดกัน ซึ่งใช้เป็นที่กักเก็บอย่างถาวร โดยมันจะถูกผสมเข้ากับน้ำประมาณ 27 ตันต่อคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ตัน ก่อนที่มันจะไหลลงสู่ใต้พื้นดิน หลังจากที่น้ำอัดคาร์บอนไดออกไซด์ทำปฏิกิริยากับหินบะซอลต์ ก็จะเกิดเป็นแร่ตระกูลคาร์บอเนต กระบวนการนี้ใช้เวลาไม่ไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น และสำหรับสาเหตุที่ตั้งโรงงานที่ไอซ์แลนด์ เนื่องจากที่นั่นมีหินบะซอลต์ที่มีอายุน้อย มีรูพรุนมาก ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเกาะได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

แน่นอนว่าความสามารถในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานแห่งนี้ย่อมเป็นที่สนใจของบรรดาบริษัทเทคโนโยลีใหญ่ ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “Microsoft” ที่กำลังหาทางแก้ปัญหาการสร้างมลพิษก๊าซเรือนกระจกของตนเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกันแล้ว โรงงานดักจับอากาศอาจมีบทบาทเพียงเล็กน้อยในการช่วยให้โลกดักจับการปล่อยความร้อน แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการลดมลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์เราต้องทำต่อไป นั่นก็คือการลดใช้เชื้องเพลิงจากฟอซซิล รวมทั้งค้นหาวิธีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้โลกเราไม่ร้อนไปมากกว่านี้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

newatlas

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง