‘เศรษฐา’SIRIกระทุ้งรัฐ ลดดอกเบี้ยยกเลิกLTV
ทันหุ้น – “เศรษฐา” วอนรัฐออกมาตรการลดดอกเบี้ย-เลิกเกณฑ์ LTV เพิ่มกำลังซื้อภาคอสังหาฯ พร้อมวางกลยุทธ์ปี 2564 เน้นเปิดโครงการระดับราคา 1 ล้านต้นๆ กระจายทำเลมากขึ้น หวังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของผู้ต้องการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม เล็งเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท วางเป้ายอดขาย 2.6 ล้านบาท และยอดโอน 2.7 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าปี 2564 เป็นปีที่ท้าทายและพร้อมเดินหน้าต่อด้วย 3 ความหวัง ได้แก่ 1.ความหวังในการมีบ้านของคนไทย เดินหน้าต่อด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้ เปิดตัวโครงการใหม่ที่ราคาเข้าถึงง่าย เจาะกลุ่ม Real-Demand ใน Product ที่หลากหลาย ตอบรับทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกความชอบ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม
2.ความหวังในการเสริมความแข็งแกร่งของแสนสิริ ก้าวเร็วนำหน้าต่อด้วย Speed to Market และความแข็งแกร่งของ Cashflow ในปี 2564 พร้อมสนับสนุน SME และอุ้มอสังหาฯ รายเล็ก พยุงเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปด้วยกัน
และ 3.ความหวังในการคืนรอยยิ้มสู่ครอบครัวแสนสิริและสังคม เดินหน้า Made for LifeMade for Everyone สู่แบรนด์ที่เข้าถึงได้ เตรียมจับมือ ยักษ์ใหญ่พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจอาหาร สร้างปรากฎการณ์เป็นครั้งแรกใน 2 กลุ่มธุรกิจ สร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าและครอบครัวแสนสิริ เข้มข้นต่อเนื่องสู้โควิด ด้วย Sansiri Care พร้อมคืนรอยยิ้มสู่ภาค SME และสังคมด้วย Sansiri Sustainability Mission
*เปิด 24 โครงการใหม่
ทั้งนี้เตรียมเปิดโครงการใหม่ 24 โครงการ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท และวางเป้ายอดขาย 2.6 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากโครงการแนวราบ 1.6 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 1 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1.1 หมื่นล้านบาท และโครงการแนวราบ 1.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 2.77 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ถึงปี 2566
โดยในปี 2564 บริษัทจะเน้นเปิดตัวโครงการแนวราบ ในราคาที่จับต้องได้ โดยจะโฟกัสกลุ่มเรียลดีมาด์นมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม ภายใต้แบรนด์ SIRI PLACE ,ANASIRI ,SARANSIRI , BURASIRI นอกจากนี้จะมีการเปิดตัวคอนโดฯ และทำเล เกษตร, รามคำแหง, รัชดา และบางนา ซึ่งบริษัทได้ซื้อที่ดินไว้รองรับการพัฒนาทั้งหมดแล้ว โดยจับกลุ่มลูกค้าอายุเฉลี่ย 18-30 ปี ในระดับราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านเศษ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีบ้านได้ง่ายขึ้น หลังจากนี้บริษัทจะเปิดโครงการทาวน์โฮมระดับบน SIRI Resident และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Bu GAAN โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เจาะกลุ่มลูกค้า Young Successor
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2564 ประเมินว่ากำลังซื้อในประเทศจะชะลอตัวต่อไปในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกระทบมาถึงความไม่มั่นใจและชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยด้วย ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2564 ยังมีโอกาสชะลอตัวตามปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีมาต่อเนื่อง
*วอนแ-เลิก LTV
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มองว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางในการเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข่องกับสถาบันการเงิน อย่างเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมองว่าควรจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงให้ต่ำกว่า 0.50% เพื่อช่วยให้คนมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น และภาระค่าใช้จ่ายลงส่งผลต่อความสามารถในการกู้ที่เพิ่มขึ้น และควรยกเลิกมาตรการ LTV ออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างมาก ทำให้ผู้ที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยชะลอการตัดสินใจซื้อ
ส่วนภาครัฐแม้ว่าจะกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศโดยการแจกเงินในโครงการต่างๆแล้ว แต่สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ควรเร่งหามาตรการออกมากระตุ้นทั้งการเร่งพิจารณาต่ออายุมาตรการเดิมในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง รวมทั้งพิจารณามาตรการกระตุ้นอื่นๆ เพิ่มเข้ามา ช่วยทั้งคนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และช่วยเหลือผู้ประกอบการในตลาดให้ดำเนินธุรก้จผ่านพ้นวิกฤติไปได้