รัฐทุ่ม 1 แสนล้าน ปล่อยกู้ใหม่ช่วยครู แต่เสี่ยงวนหนี้ซ้ำ?

ปัญหาหนี้สินครูไทยได้กลายเป็นวิกฤตการณ์ที่กินเวลายาวนานและลุกลามจนถึงระดับโครงสร้าง ปัจจุบันครูและบุคลากรทางการศึกษาเกือบ 900,000 คน มีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นหนี้ โดยยอดหนี้รวมสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท หนี้จำนวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของครูแต่ละคน หากยังเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิต ความสามารถในการสอน และระบบการศึกษาไทยโดยรวม
ข้อมูลจาก HRMS ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระบุว่าข้าราชการครูและบุคลากรมีอยู่ 377,757 คน โดยเกือบครึ่งหนึ่งหรือกว่า 168,000 คนยังไม่มีวิทยฐานะ เงินเดือนขั้นต่ำเพียง 15,440 บาท และสูงสุดไม่ถึง 35,000 บาท ขณะที่ค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ครูจำนวนมากจึงเหลือเงินใช้เพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน หรือในบางกรณีติดลบจนต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ รายได้ที่ไม่สอดคล้องกับภาระชีวิตประจำวันทำให้หนี้สะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดคือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีมูลหนี้รวมกว่า 890,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ครูทั้งหมด รองลงมาคือธนาคารออมสินที่ 349,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 63,000 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ 61,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 5.6 ถึงกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี การหักเงินเดือนสูงสุดถึง 70 เปอร์เซ็นต์ตามกฎหมายยิ่งทำให้ครูหลายคนใช้ชีวิตด้วยรายได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ เช่น ครูเงินเดือน 15,000 บาท อาจเหลือใช้เพียง 4,500 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี
เพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้ ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เสนอแนวทางจัดตั้งสหกรณ์กลางภายใต้การกำกับของ สกสค. โดยเตรียมขออนุมัติงบสำรอง 100,000 ล้านบาท โครงการนี้กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยปีแรกเป็นศูนย์ และไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ในปีถัดไป พร้อมจัดงบชดเชยดอกเบี้ยอีก 6,000 ล้านบาท เงื่อนไขสำคัญคือผู้เข้าร่วมต้องไม่ก่อหนี้ใหม่และต้องผ่านการอบรมด้านการเงิน รวมถึงเข้าสู่ระบบเครดิตบูโรเพื่อสร้างวินัยการใช้จ่าย
แม้มีมาตรการเสริมที่เริ่มดำเนินไปแล้ว เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของสหกรณ์ครู 70 แห่งจากทั้งหมด 108 แห่ง ทำให้ครูราว 460,000 คนได้ประโยชน์ หรือการปรับให้ใช้สิทธิการฌาปนกิจ ช.พ.ค. เป็นหลักประกันเงินกู้ ลดค่าใช้จ่ายได้รวมกว่า 2,300 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับหนี้ครูทั้งประเทศยังถือว่าเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น การลงทะเบียนโครงการแก้หนี้ครูทั่วประเทศมีผู้เข้าร่วมกว่า 41,000 ราย มูลหนี้ราว 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของหนี้ทั้งหมด
ความพยายามของรัฐในการตั้งสหกรณ์กลางครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการอัดฉีดยาขนานใหญ่เพื่อซื้อเวลาและสร้างความหวังว่าจะช่วยฟื้นคุณภาพชีวิตครูหลายแสนคน อย่างไรก็ตาม นักวิชาการเตือนว่าหากไม่แก้ไขโครงสร้างเงินเดือน การกำกับดูแลสหกรณ์ และกฎหมายการหักเงินเดือน ปัญหาหนี้อาจกลับมาในรูปแบบใหม่ การแก้หนี้ด้วยเงินมหาศาลเพียงอย่างเดียวอาจเป็นการเลื่อนวิกฤตไปสู่อนาคต
ในที่สุด คำถามที่สังคมต้องการคำตอบคือโครงการนี้จะเป็นก้าวแรกสู่การปลดล็อกวิกฤตหนี้ครูอย่างยั่งยืน หรือเป็นเพียงการรวมวงจรหนี้ครั้งใหม่ที่รอวันปะทุซ้ำอีกครั้ง ผลลัพธ์ของมาตรการนี้จะกำหนดไม่เพียงอนาคตของครู หากยังรวมถึงคุณภาพการศึกษาของประเทศทั้งระบบ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
