สนามบินเชียงรายเร่งกู้เครื่องบินนกแอร์ไถลออกนอกรันเวย์ มั่นใจวันนี้เคลียร์จบ
ข่าววันนี้ 3 สิงหาคม เวลา 14.00 น.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมท่าอากาศยาน(ทย.)ถึงความคืบหน้าการเข้าเคลื่อนย้ายเครื่องบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD108 เส้นทางบิน ดอนเมือง-เชียงราย ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงรายว่า ขณะนี้ทาง ทย.รายงานสถานการณ์ว่า เมื่อเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้แผ่นปูน ที่นำมาจากสนามบินขอนแก่นมาปูต่อจากตัวแผ่นเหล็กยาวที่สนามบินเชียงราย และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้พยายามทำการดึงเครื่องบินนกแอร์ลำดังกล่าวออกมาจากจุดที่ล้อจม แต่ก็ทำได้ลำบาก
อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในวันนี้ (3ส.ค.)เจ้าหน้าที่น่าจะเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกได้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องด้านมาตรฐานความปลอดภัยสนามบิน จะเข้ามาตรวจสอบทางวิ่ง ทางขับ และพื้นที่ใกล้เคียงว่ามีความเสียหายอย่างไรบ้าง มีความปลอดภัยที่จะเปิดให้บริการได้หรือไม่ ก่อนที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)จะประกาศเปิดใช้สนามบินต่อไป
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นาวาตรี ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการ ทชร.แถลงความคืบหน้าการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน Boeing 737-800 ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD-108 ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือร้นเวย์ ทชร. เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาจนขวางรันเวย์ และเมื่อหน่วยงานต่างๆ ระดมกำลังกันยกล้อหน้าที่จมดินและใช้อุปกรณ์ลากจูงเครื่องปรากฎว่าล้อ Main landing gear ด้านซ้ายได้เกิดการทรุดจมลึกในดินอีก ทำให้ต้องขยายระยะเวลาปิดรันเวย์จากเดิมให้ถึงวันที่ 22.00 น.วันที่ 3 ส.ค.ไปเป็นเวลา 22.00 น.วันที่ 5 ส.ค.นี้
โดยนาวาตรี ดร.สมชนก เปิดเผยว่าในการเตรียมการเพื่อลากจูงอากาศยานนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมพื้นที่ชั่วคราวโดยกำหนดพื้นที่ทรายหลุมหมายเลข 7 เป็นจุดจอดเครื่องบินโดยใช้หินบดอัดหน้าดินเพื่อรับน้ำหนัก ส่วนจุดที่เครื่องบินทรุดได้ใช้สายเคเบิ้ลและรถเครนวางตำแหน่งล้อหัวที่หักไปให้เข้าที่แล้วลากถอยหลังเพื่อดึงออกจากดิน เบื้องต้นจะใช้รถเทรลเลอร์วางแทนล้อหน้าดังกล่าวซึ่งการดำเนินการดังกล่าวแล้วสามารถลากจูงให้เคลื่อนออกมาจากดินแล้ว แต่ปรากฎว่าเมื่อลากได้ระยะหนึ่งล้อ Main landing gear ด้านซ้ายได้ทรุดจมดินลงไปอีกเพราะฝนตกลงมาทำให้ต้องหยุดการลาก จากการตรวจสอบไม่พบความเสียหายของสายเคเบิ้ล ส่วนล้อขวาสามารถขึ้นจากดินและห่างจากจุดแรกประมาณ 4 เมตร
นาวาตรี ดร.สมชนก กล่าวว่าเจ้าหน้าที่จึงได้มีการนำเบาะลมวางสอดใต้เครื่องบินเพื่อจะยกเครื่องบินที่เอียงซ้ายเพื่อให้ยกขึ้นสู่ระดับปกติ ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับพื้นดินป้องกันการทรุดตัวโดยถมหินเข้าไปเพิ่มเติมโดยเฉพาะด้านซ้ายเพื่อป้องกันการไถลหรือทรุดของดิน จากนั้นมีแผนจะใช้เครนขนาด 50 ตัน ค่อยๆ ยกเครื่องบินขึ้นดังนั้นจึงมีการขยายระยะเวลาการปิดรันเวย์ออกไปอีก 2 วันดังกล่าวคือวันที่ 4-5 ส.ค.นี้ เนื่องจากสายการบินต่างๆ ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมเที่ยวบินรองรับที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่อย่างน้อย 48 ชั่วโมง กระนั้นหากสามารถชักยกและลากจูงเครื่องออกมาได้ก่อนวันที่ 5 ส.ค.ก็จะรีบแจ้งสายการบินต่างๆ เพื่อให้ยกเลิกการจัดเตรียมดังกล่าวได้ต่อไปกระนั้นทุกขั้นตอนต้องใช้เวลาและต้องมีความปลอดภัย
ผู้อำนวยการ ทชร.กล่าวอีกว่าล่าสุดเช้าวันนี้ยังคงเตรียมการเพื่อจะลากเครื่องบินจากทางด้านหลังเช่นเดิมและเวลา 10.30 น.จะเริ่มทำการลากเครื่องบินอีกครั้งระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยได้อาศัยบทเรียนจากการทรุดของดินที่ผ่านมาได้มีการเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทรุดอีก แผนการคือเวลา 12.00 น.จะสามารถลากจูงเครื่องกลับขึ้นไปบนรันเวย์ได้ด้วยวงเลี้ยวแคบๆ เพื่อนำไปยังสถานที่จอดได้ต่อไป ซึ่งจะต้องรอข่าวดีที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 22.00 น.ต่อไป จากนั้นจะมีการทำความสะอาดรันเวย์เพื่อให้สามารถเปิดทำการบินได้ในวันที่ 4 ส.ค.หรือเร็วกว่าที่กำหนดดังกล่าวต่อไป
นาวาตรี ดร.สมชนก กล่าวด้วยว่าเนื่องจากเครื่องบินลำนี้มีน้ำหนักกว่า 41 ตัน ล้อหน้าแตกและเบี้ยวส่วนล้อหลังยางแตก ซึ่งเมื่อมีการจมจะจมลงก็จะจมลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำใต้ดินทำให้ขุดขึ้นชักขึ้นมาได้ยากมาก ดังนั้นทุกอย่างต้องทำงานแข่งกันเวลาและสู้กับภัยธรรมชาติเมื่อฝนตกหนักลงมาก็ทำให้เป็นอุปสรรค กระนั้นยืนยันว่าเครื่องมืออุปกรณ์ในการปฏิบัติครบ 100% มาตั้งแต่ต้นแล้วโดยมีการปรับใช้อุปกรณ์ตามความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ