รีเซต

สธ.สรุปประสิทธิผลวัคซีนโควิด พบฉีด 4 เข็มต้านโอมิครอนได้ 76% ไร้ผู้เสียชีวิต

สธ.สรุปประสิทธิผลวัคซีนโควิด พบฉีด 4 เข็มต้านโอมิครอนได้ 76% ไร้ผู้เสียชีวิต
TNN ช่อง16
25 พฤษภาคม 2565 ( 15:12 )
78
สธ.สรุปประสิทธิผลวัคซีนโควิด พบฉีด 4 เข็มต้านโอมิครอนได้ 76% ไร้ผู้เสียชีวิต

วันนี้ (25 พ.ค.65) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการติดเชื้อสะสม 528.9 ล้านราย เสียชีวิตสะสม 6.3 ล้านคน ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ติดเชื้อรายงาน 9.5 ล้านราย เสียชีวิต 1.9 หมื่นราย แนวโน้มถือว่าลดลง 

ส่วนประเทศไทยวันนี้รายงานติดเชื้อ 5,013 ราย แนวโน้มลดลงมาต่อเนื่อง 2-3 วัน เฉลี่ยประมาณ 4-5 พันคนต่อวัน ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบรายงาน 1,028 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 530 ราย ในช่วง 2-3 วันนี้ ผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ในเกณฑ์คงตัว และผู้เสียชีวิตรายงาน 33 ราย ลดลงเล็กน้อย ที่เห็นชัดเจนคือผู้ป่วยรักษาในระบบจากเดิมเกือบ 2 แสนราย เหลือไม่ถึง 5 หมื่นรายแล้ว

สถานการณ์ถือว่าลดลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับมาตรการที่ผ่อนคลาย ยังคงสถานะเตือนภัยโควิดระดับ 3 แต่หากติดตามได้ว่ามีการติดเชื้อลดลง อาการป่วยหนักและเสียชีวิตจำนวนลดลง ก็จะปรับไปสู่ระดับ 2 จะมีการผ่อนคลายมากขึ้น ใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น

นพ.จักรรัฐ กล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ทุกวันเป็นกลุ่ม 608 อย่างวันนี้เป็นกลุ่ม 608 ทั้งหมด 100% โดยเกินครึ่งเป็นกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ คือ ไม่ได้วัคซีนเลย ได้รับเข็มเดียว และฉีดสองเข็มเกิน 3 เดือน ทำให้ภูมิคุ้มกันเริ่มลดลง การป้องกันการป่วยหนักก็ลดลงด้วย จึงต้องรณรงค์ช่วยกันให้กลุ่ม 608 โดยเฉพาะอายุ 70 ปีขึ้นไปรับวัคซีนเข็มปกติและเข็มกระตุ้น เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิต และปลอดภัยทั้งครอบครัว

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ขณะนี้ต่ำกว่าเส้นคาดการณ์สีเขียว แสดงว่าเราดำเนินการได้อย่างดี ประชาชนร่วมกันปฏิบัติตัวป้องกันตนเอง ดีใจที่คนยังสวมหน้ากากเพราะช่วยลดการแพร่เชื้อได้ 

ส่วนหลังเปิดเทอมขณะนี้เริ่มพบการระบาดเป็นหย่อมเป็นกลุ่มก้อนในโรงเรียน แต่ไม่มาก เป็นในบางโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนประจำ ซึ่งสามารถแยกโซนโดยไม่ต้องปิดโรงเรียน จึงขอให้เน้นการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง 

ส่วนสถานการณ์ป่วยปอดอักเสบลดลงต่อเนื่องและเริ่มคงตัว ต้องดูว่าสัปดาห์หน้าจะลงต่อหรือไม่ ซึ่งปอดอักเสบเริ่มทรงตัว แสดงว่าการติดเชื้ออยู่ในเกณฑ์คงตัว ทั้งนี้ หลายจังหวัดมีการผ่อนคลายมากขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมหากพบติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน ทั้งที่ รพ. และสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อสอบสวนโรค

"ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจดูเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในช่วงขาลงอยู่ ยังปลอดภัยในหลายจังหวัด โดยการครองเตียงสีเหลืองและแดงต่ำกว่า 20% ถือว่าเรามีเตียงพอหากระบาดขึ้นและพบป่วยหนักจำนวนมาก ส่วนผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง ช่วงขาลงหลายคนสบายใจผ่อนคลายมากขึ้น แม้จะผ่อนคลายแต่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มเสี่ยงไว้ ไปรับวัคซีน รวมถึงเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ควรไปฉีดด้วย เพราะเปิดเรียนแล้วอาจติดเชื้อไปได้" นพ.จักรรัฐกล่าว

ด้าน นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยข้อมูลการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนโควิด-19 จากการใช้จริง 500,000 ราย ในช่วงการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.2565 โดยเปรียบเทียบคนที่ได้รับวัคซีนกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด มีอาการหนัก และเสียชีวิตมากน้อยแค่ไหน พบว่า

- วัคซีน 2 เข็ม ป้องกันการป่วยปอดอักเสบที่ต้องใส่ท่อหายใจและการเสียชีวิตได้ 75%

- วัคซีน 3 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ 15% ป้องกันการป่วยปอดอักเสบใส่ท่อหายใจและการเสียชีวิตได้ 93%

- วัคซีน 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ 76% ป้องกันป่วยปอดอักเสบใส่ท่อหายใจได้ 99% โดยไม่พบการเสียชีวิตในการศึกษานี้

และเมื่อฉีดเข็มล่าสุดไปแล้ว 6 เดือน ยังพบว่าประสิทธิผลในการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตยังคงสูงอยู่

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ ถ้าทุกคนได้รับวัคซีนสูตรใดก็ได้ครบอย่างน้อย 3 เข็ม เป็นพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจจะไม่พบการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิดมาก

นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ควรสนับสนุนการฉีดให้กับ "เฉพาะประชากรเป้าหมาย" ที่หวังผลสูงในการป้องกันการติดเชื้อที่มีจำเพาะสายพันธุ์ระบาด และประชากรที่ต้องการผลสูงสุดในการลดการเสียชีวิตและป่วยรุนแรง.


ภาพจาก TNN ONLINE


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง