คดีนานา ไรบีนา ล่าสุด ศาลให้ประกันตัว 1 ล้าน–จับตาขั้นต่อไป

ภาพรวมคดีนานา ไรบีนา สถานะปัจจุบันในชั้นสอบสวน
คดีของ นางไรบีนา อินทชัย หรือ “นานา ไรบีนา” อดีตดีเจและคนดังในวงการบันเทิง กำลังอยู่ในความสนใจของสังคม เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความกล่าวหาเกี่ยวกับการชักชวนลงทุน มูลค่าความเสียหายที่แจ้งความรวมกันราว หลักร้อยล้านบาท
ในทางกฎหมาย ขณะนี้นานายังคงมีสถานะเป็น “ผู้ต้องหา” ในชั้นสอบสวน ไม่ได้ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด และยังคงอยู่ภายใต้หลัก “สันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ภูมิหลังของนานา ไรบีนา
นานาเป็นที่รู้จักในฐานะอดีตดีเจคลื่นเพลงชื่อดังอย่าง Hot Wave 91.5 FM และ Virgin Hitz ก่อนขยายบทบาทเป็นวีเจ พิธีกร นักแสดง นักแข่งรถ และนักธุรกิจ มีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านตัดผม “Never Say Cutz” ร้านเสื้อผ้าเด็ก รวมถึงการผลักดันลีกบาสเกตบอลเยาวชน YBL Thailand
ในด้านชีวิตส่วนตัว เธอสมรสกับ นายปริญญา อินทชัย หรือ “เวย์ ไทยเทเนี่ยม” แร็ปเปอร์ชื่อดัง มีลูกฝาแฝด “บีน่า–บรู๊คลิน” ทำให้เธอมีภาพลักษณ์เป็นคนดังที่มีเครือข่ายเพื่อนดาราและคนในสังคมระดับสูงจำนวนมาก
ไทม์ไลน์คดี จากข้อกล่าวหาการลงทุนถึงการให้ประกันตัว
1. ช่วงเริ่มต้นข้อกล่าวหาเรื่องการลงทุน
ตั้งแต่ราว ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา ตามข้อมูลจากฝ่ายผู้เสียหายและการให้สัมภาษณ์ของตำรวจ มีการกล่าวอ้างว่านานาได้ชักชวนบุคคลใกล้ชิด เพื่อนสนิท และผู้ปกครองในโรงเรียนนานาชาติให้ร่วมลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยใช้ความไว้วางใจส่วนตัวและชื่อเสียงในวงการบันเทิง
รูปแบบการลงทุนที่ถูกกล่าวถึงในข่าวและคำให้การ มีทั้ง
• การร่วมลงทุนใน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ถูกระบุว่ามีการเสนออัตราผลตอบแทนต่อเดือนในระดับสูง
• การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ การเทรดหุ้นหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยมีการอ้างถึงผู้เชี่ยวชาญ
• การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ กิจกรรมหรือลีกบาสเกตบอลเยาวชน
• การลงทุน ร้านอาหารและธุรกิจต่างประเทศ
• บางกรณีมีการอ้างถึงชื่อของเครือข่ายธุรกิจรายใหญ่ในสังคม
ในช่วงแรก ผู้เสียหายบางส่วนให้ข้อมูลว่ามีการจ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและมีการเพิ่มวงเงินลงทุนในภายหลัง
2. เริ่มมีการผิดนัดจ่ายและความสงสัยเพิ่มขึ้น
ช่วง ต้นปี 2568 เริ่มปรากฏข้อสงสัยมากขึ้น เมื่อผู้ลงทุนบางรายไม่ได้รับดอกผลและเงินต้นตามกำหนด มีการอ้างปัญหาทางเทคนิคและอุปสรรคด้านบัญชี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถาม
ปลาย กันยายน 2568 กลุ่มผู้เสียหายบางส่วนเดินทางไปพูดคุยที่บ้านของนานา ตามคำบอกเล่าของฝ่ายผู้เสียหาย มีการนำเอกสารที่ระบุว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐมาแสดง รวมถึงเอกสารที่ใช้ประกอบการอ้างถึงทรัพย์สินและเช็คค้ำประกัน ซึ่งต่อมาบางส่วนถูกตั้งข้อสงสัยและอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. นานาออกมาขอโทษและยอมรับว่ามีปัญหาหนี้
กลาง พฤศจิกายน 2568 นานาโพสต์ข้อความยอมรับในเชิงสาธารณะว่าเป็นบุคคลที่มีปัญหาเรื่องหนี้กับเพื่อน พร้อมกล่าวคำขอโทษและขอโอกาสในการแก้ไขสถานการณ์ มีการประกาศขายบ้านหรูราคาประมาณ 69 ล้านบาท โดยระบุว่าเพื่อจัดการภาระหนี้และความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขอโทษและการแสดงความตั้งใจชำระหนี้ไม่ได้ทำให้กระบวนการแจ้งความหยุดลง เนื่องจากผู้เสียหายบางส่วนยังตัดสินใจใช้ช่องทางทางกฎหมายต่อไป
4. การออกหมายจับและการจับกุม
• 2 ธันวาคม 2568 – ศาลอาญาออกหมายจับในข้อหา
• ฉ้อโกงทรัพย์
• การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527
หลังตำรวจระบุว่ารวบรวมคำให้การผู้เสียหายอย่างน้อย 17 ราย และตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
• เช้ามืด 3 ธันวาคม 2568 – เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเข้าจับกุมที่บ้านพักย่านพระโขนง ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ระหว่างสอบสวน นานาให้การ ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันมุมมองของตนเองว่ามองเป็นเรื่องการกู้ยืมเงินและการลงทุนตามปกติ รายละเอียดเชิงลึกของคำให้การยังอยู่ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจ
มูลค่าความเสียหายและประเด็นที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
จากข้อมูลของตำรวจและคำให้สัมภาษณ์ของทนายฝ่ายผู้เสียหาย มีการระบุว่า
• จำนวนผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความแล้วอย่างน้อย 17 ราย
• มูลค่าความเสียหายตามที่แจ้งความประมาณ 195 ล้านบาท
ในส่วนของเอกสารและธุรกรรมที่ถูกตั้งข้อสงสัย เช่น เอกสารอ้างอิงหน่วยงานรัฐ เอกสารเกี่ยวกับการลงทุนและหลักฐานการชำระเงิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงข้อมูลในชั้นสอบสวน ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากศาลว่าถูกหรือผิด
การตรวจยึดทรัพย์และบทบาทของหน่วยงานด้านการเงิน
หลังการจับกุม ตำรวจได้ตรวจยึดทรัพย์สินของนานาบางส่วน เช่น
• รถยนต์
• กระเป๋าและของใช้แบรนด์เนม
• ของสะสมประเภท Art Toy
• ทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ
มูลค่ารวมประมาณ หลักสิบล้านบาท โดยข้อมูลทั้งหมดถูกส่งให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาหรือไม่ หากพบความเชื่อมโยงตามกรอบกฎหมายฟอกเงิน อาจมีคำสั่งยึดหรืออายัดเพิ่มเติม
ขั้นตอนในศาล ฝากขัง–ให้ประกันตัวพร้อมเงื่อนไขเข้ม
วันที่ 4 ธันวาคม 2568 พนักงานสอบสวนคุมตัวนานาไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก พร้อมยื่นคัดค้านการให้ประกัน โดยให้เหตุผลว่าคดีมีมูลค่าความเสียหายสูงและอยู่ในความสนใจของประชาชน และเกรงว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ภายหลังการพิจารณา ศาลมีคำสั่งสำคัญ ดังนี้
1. อนุญาตให้ฝากขังผัดแรก ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน
2. เมื่อมีการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยใช้น้องสาวของผู้ต้องหาเป็นผู้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 1 ล้านบาท ศาลพิจารณารายงานประเมินความเสี่ยงแล้ว เห็นว่าไม่มีเหตุให้เชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
3. ศาลจึง อนุญาตให้ประกันตัว พร้อมกำหนดเงื่อนไข
• ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
• แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ถือปฏิบัติ
• ให้คลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญาเข้ามาดูแลในช่วงที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว
แนวทางนี้ทำให้ผู้ต้องหาสามารถต่อสู้คดีในสภาพที่เป็นอิสระ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและบุคคลรอบข้าง
ในมิติครอบครัว ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจคือบทบาทของสามี เวย์ ไทยเทเนี่ยม ซึ่งสื่อบางสำนักได้สอบถาม เวย์ได้ชี้แจงผ่านรายการโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ว่า ยังไม่ได้หย่าขาดจากนานา และรายละเอียดบางส่วนเป็นเรื่องภายในครอบครัว
ในด้านคดี ผู้บังคับใช้กฎหมายระบุว่า หากมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวโยงถึงบุคคลอื่นในอนาคต อาจมีการเชิญมาสอบปากคำหรือพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใดจากศาลที่ระบุว่าบุคคลอื่นมีความผิดร่วมในคดีนี้
แนวโน้มคดีนานา ไรบีนา และขั้นตอนต่อไปในกระบวนการยุติธรรม
จากสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2568 แนวโน้มและขั้นตอนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น มีดังนี้
1. การสอบสวนเชิงลึกโดยตำรวจ
• ตำรวจจะสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม
• ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เอกสารสัญญา และธุรกรรมต่าง ๆ
• พิจารณาว่ามีเหตุอันควรแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือขยายผลไปยังบุคคลอื่นหรือไม่
2. การส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา
เมื่อเห็นว่ารวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วน พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาว่า
• จะสั่งฟ้องในข้อหาใดบ้าง
• จะให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใด
• หรือจะมีคำสั่งไม่ฟ้องในส่วนใดหากเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
3. การสู้คดีในชั้นศาลหากมีการฟ้อง
หากอัยการมีคำสั่งฟ้อง ศาลจะนัดไต่สวนและพิจารณาคดี นานาจะมีสิทธิ์นำพยานหลักฐานเข้าสู้คดีอย่างเต็มที่ ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต้องแสดงหลักฐานต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
4. โอกาสการเยียวยาและการใช้สิทธิทางแพ่ง
แม้คดีอาญาจะเดินหน้า แต่ผู้เสียหายบางรายอาจเลือกใช้สิทธิทางแพ่งควบคู่กัน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ถูกกล่าวหา การชดใช้หรือการเจรจาไกล่เกลี่ยอาจมีผลในเชิงพฤติการณ์ประกอบการพิจารณาโทษในอนาคต หากศาลเห็นว่าจำเลยมีความพยายามแก้ไขเยียวยาความเสียหาย
5. บทเรียนสำหรับสังคมเรื่องการลงทุนและความไว้วางใจ
ไม่ว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร คดีที่มีลักษณะชักชวนลงทุนในกลุ่มคนรู้จักและใช้ความไว้วางใจในความสัมพันธ์ส่วนตัว ถือเป็นบทเรียนสำคัญให้สังคมตระหนักว่า การลงทุนใด ๆ ควรตรวจสอบแหล่งที่มา ความน่าเชื่อถือ และผลตอบแทนที่เสนอว่ามีเหตุผลสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่
ในทุกขั้นตอน คดีของนานายังต้องรอการพิสูจน์ในชั้นศาล ข้อมูลจากทั้งฝ่ายผู้เสียหาย ฝ่ายผู้ต้องหา และหน่วยงานรัฐจะถูกรวบรวมเป็นหลักฐานเพื่อให้ศาลใช้ประกอบการวินิจฉัยในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
