ทำความรู้จักออโรรา (Aurora) แสงสีต่าง ๆ เกิดขึ้นจากอะไร ?
ออโรรา (Aurora) หรือ แสงเหนือ เกิดขึ้นจากการชนกันของอนุภาคจากดวงอาทิตย์ เช่น ลมสุริยะ กับโมเลกุลบนชั้นบรรยากาศของโลก พบเห็นได้ทั้งบริเวณใกล้เคียงกับขั้นโลกเหนือและขั้วโลกใต้
บริเวณที่พบเห็นออโรรา เช่น ซีกโลกเหนือ บริเวณอลาสก้าของสหรัฐอเมริกา แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ และรัสเซีย โอกาสในการเห็นออโรราจะดีที่สุดในช่วงกลางคืนที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิดและไม่มีมลภาวะทางแสง ยังขึ้นอยู่กับกิจกรรมของดวงอาทิตย์ด้วย
นอกจากพบเห็นออโรรา (Aurora) ที่ซีกโลกเหนือยังสามารถพบเห็นได้ทางซีกโลกใต้ โดยเรียกว่า แสงใต้ (Aurora australis) บริเวณประเทศอาร์เจนตินา ชิลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
สำหรับแสงเหนือและแสงใต้ มีลักษณะของสีสันแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยความรนแรงของพายุสุริยะและชั้นบรรยากาศโลก โดยมีสีสันต่าง ๆ ดังนี้
1. แสงออโรราสีแดง เกิดจากการแตกตัวของโมเลกุลออกซิเจนที่ระดับความสูงมาก ๆ ความเข้มข้นของออกซิเจนน้อย และพบได้เฉพาะกรณีพายุสุริยะความรุนแรงสูง ระดับความสูงมากกว่า 241.4 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก
2. แสงออโรราสีเขียว เกิดจากการแตกตัวของโมเลกุลออกซิเจนที่ระดับความสูงต่ำลงมา ซึ่งมีความเข้มข้นของออกซิเจนสูงขึ้น ระดับความสูงไม่เกิน 241.4 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก
3. แสงออโรราสีม่วง เกิดจากการแตกตัวของโมเลกุลไนโตรเจนเป็นไอออน และพบได้เฉพาะกรณีพายุสุริยะความรุนแรงสูง ระดับความสูงมากกว่า 96.6 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก
4. แสงออโรราสีฟ้า เกิดจากการแตกตัวของโมเลกุลไนโตรเจนเป็นไอออน มีโอกาสพบเห็นได้ยากกว่าแสงออโรราสีแดงและเขียว ระดับความสูงไม่เกิน 96.6 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก
รู้หรือไม่? : นอกจากโลกยังมีการพบแสงออโรราบริเวณดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ บริเวณขั้วเหนือและใต้คล้ายออโรราบนโลก โดยมีสาเหตุจากลมพายุสุริยะเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามขนาดของออโรราบนดาวพฤหัสบดีมีขนาดใหญ่กว่าบนโลกหลายเท่า สามารถบันทึกภาพและมองเห็นได้จากยานอวกาศ
ที่มาของข้อมูล Reuters, Wikipedia
ที่มาของรูปภาพ Pixabay, ESAHubble, NOAA, NASA