ยังไม่ถึงเวลารีดภาษีหุ้น! VI-รายใหญ่ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย
ทันหุ้น - ตลท.น้อมรับนโยบายเก็บภาษีขายหุ้น วอนคลังเก็บอัตรา-จำนวน ธุรกรรมเหมาะสมหวั่นกระทบต้นทุนนักลงทุน และแจ้งล่วงหน้า ฟากวีไอ “ดร.นิเวศน์” เปิดชี้ชัดเก็บภาษีขายหุ้นไม่คุ้ม ทำวอลุ่มเทรดรายใหญ่หายฉุดตลาดซบ ย้ำจังหวะเหมาะรอไปอีก 2-3 ปี
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงมุมมองภาษีขายหุ้น ตามที่กระทรวงการคลังเตรียมพิจารณาจัดเก็บภาษีขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (Financial Transaction Tax) ปี 2565 ถือเป็นนโยบายของภาครัฐที่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดเก็บภาษีหลังจากถูกยกเว้นหลายปี และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เม็ดเงินภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่ง ตลท.ได้รับทราบและให้ข้อมูลการวิเคราะห์กับผู้กำกับภาครัฐทั้งกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.ล.ต.
@วอนอัตรา-เวลาเหมาะสม
ทั้งนี้ ตลท.เสนอภาครัฐพิจารณา เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่จะลดผลกระทบกับจำนวนนักลงทุน อีกทั้งอัตราภาษีควรเหมาะสมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ นอกจากนี้ต้องมีกำหนดเวลาแจ้งนักลงทุนให้ทราบล่วงหน้าอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะให้นักลงทุนปรับตัวได้ทัน อีกทั้งภาพอุตสาหกรรมจะต้องมีการวางแผนเรื่องระบบต่างๆ ทั้ง การเก็บข้อมูล และระบบด้านอื่นๆ เพื่อให้ทันเวลาเช่นกัน
“สิ่งที่เสนอให้ภาครัฐพิจารณามี 2 เรื่อง คือ จำนวน Transaction และ อัตราภาษี เพราะการจัดเก็บภาษีจะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเทรดดิ้งที่ซื้อขายเร็วได้รับผลกระทบ ดังนั้นอาจจะกระทบต่อวอลุ่มการซื้อขายของตลาดแน่นอน จากปัจจุบัน มูลค่าการซื้อขายราว 9 หมื่นล้านบาทต่อวัน”
@เก็บภาษีไม่คุ้มฉุดตลาดซบ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า หากมีการเก็บภาษีขายหุ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระดับหนึ่ง แต่จากข่าวที่จะเก็บภาษีตาม Transaction นั้น ผลกระทบอาจไม่มากเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเสนอเรื่องการเก็บภาษีเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gains Tax) แต่ถือว่าส่งผลต่อบรรยากาศตลาดโดยรวมที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะไทยมีนักลงทุนรายใหญ่เทรดเยอะ เมื่อต้องเสียภาษีจากการซื้อขายอีก 0.1% ก็อาจจะมีการชะลอการลงทุน ส่วนนักลงทุนรายย่อยอาจจะไม่กระทบมากเพราะเทรดน้อย แต่เมื่อรายใหญ่ชะลอการซื้อขายก็จะกระทบต่อตลาดหุ้นทำให้เงียบเหงา จึงไม่เป็นผลดี
เพราะในยามนี้ที่ต้องการให้ตลาดทุนคึกคักเพราะต้องมีการระดมทุนกันเยอะ หลังการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายบริษัทมีปัญหาเรื่องทุน ถึงการออกมาตรการเก็บภาษีขายหุ้นตอนนี้จะทำให้ตลาดหุ้นซบเซา ส่วนตัวมองว่าไม่ค่อยคุ้มและต้องคิดว่าปัจจุบันนักลงทุนมีโอกาสลงทุนในหลายตลาดได้ค่อนข้างสะดวก ถ้าเมืองไทยมีอะไรที่เพิ่มภาระก็จะไม่เป็นผลดี มองว่าตอนนี้ไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสม น่าจะรอให้มีการฟื้นตัวมากกว่านี้ หรือรอให้โควิดหายไปก่อน คาดว่าน่าจะราว 2-3 ปีน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสม
"การเก็บภาษี จริงๆ เม็ดเงินที่ได้ไปไม่ค่อยคุ้มหากทำให้ตลาดซบเซาลง เพราะอิทธิพลของนักเทรดรายใหญ่ในไทยค่อนข้างเยอะ บางคนอาจจะไม่ใหญ่มากแต่วอลุ่มเทรดเยอะถ้าหากชะลอการซื้อขายน่าจะกระทบตลาด ส่วนนักลงทุน VI ไม่ค่อยกระทบเพราะเราซื้อขายน้อยครั้งมาก" ดร.นิเวศน์ กล่าว
@ แนะแจ้งล่วงหน้า
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า พร้อมจ่ายหากมีการเก็บภาษีจริง ไม่มีปัญหาใดๆ ขอให้บอกล่วงหน้ามากกว่า 6 เดือนขึ้นไป นักลงทุนจะได้เตรียมความพร้อมปรับกลยุทธ์ได้ ซึ่งในตอนนี้อาจต้องรอดูความชัดเจนว่าภาครัฐจะมีการจัดเก็บภาษีขายหุ้นในอัตราที่เท่าไหร่เพราะมีผลต่อกำไรของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ หรือ กองทุนเช่นกัน
ส่วนความกังวลว่าการเก็บภาษีจะส่งผลให้วอลุ่มเทรดลดลงหรือไม่นั้นมองว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดหุ้นในขณะนั้นมากกว่าว่าดีหรือไม่ เพราะหากภาพตลาดรวมดี เทรดแล้วมีกำไรคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในทางกลับกันหากสถานการณ์ไม่ดีวอลุ่มเทรดก็อาจจะลดลงได้เช่นกัน
“ไม่ขัดข้อง ไม่ติดปัญหาอะไร พร้อมจ่ายหากจะเก็บภาษีจริงๆ เพราะเงินที่เสียภาษีก็เข้าภาครัฐ และก็เห็นด้วยกับดร.นิเวศน์ที่ว่า รอทุกอย่างดีขึ้น อีก 2-3 ปีค่อยเก็บภาษีก็ได้ หรืออย่างน้อยก็บอกล่วงหน้าสัก 6 เดือนขึ้นไปก็จะได้เตรียมความพร้อม”