วิกฤตน้ำท่วมใต้! ทดสอบรัฐบาล "แพทองธาร"
"รัฐบาลระดมสรรพกำลังรับมือน้ำท่วมใต้ - นายกฯ บัญชาการช่วยเหลือในพื้นที่"
ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ส่งผลกระทบรุนแรงใน 11 จังหวัด มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 762,163 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 37 ราย รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการจัดการปัญหา โดยลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ด้วยตนเองในวันที่ 17 ธ.ค. 67 พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
จากสถานการณ์วิกฤตที่ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราชที่มีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 115,722 ครัวเรือน การทำงานเชิงรุกของรัฐบาลเห็นได้ชัดจากการระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่อย่างเต็มกำลัง
ในด้านความเสียหายต่อระบบสาธารณสุข พบว่ามีโรงพยาบาล 6 แห่งได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ รพ.พระพรหม ที่ต้องปิดให้บริการและอพยพผู้ป่วย 14 ราย ญาติ 14 ราย และเจ้าหน้าที่ 40 คน ไปยัง รพ.ทุ่งสง รัฐบาลจึงได้สั่งการให้เร่งดำเนินมาตรการเร่งด่วน ทั้งการจัดตั้งศูนย์พักพิง 4 แห่ง รองรับผู้ประสบภัยได้ 180 คน พร้อมจัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ดูแลประชาชน 328 คน
สำหรับพื้นที่วิกฤตอย่างสุราษฎร์ธานี ที่ระดับน้ำในแม่น้ำตาปียังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และพบการเกิดดินถล่มทับบ้านเรือนประชาชน รัฐบาลได้ระดมอุปกรณ์ช่วยเหลือทั้งเครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม และเฮลิคอปเตอร์ KA 32 ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน
การบริหารจัดการระยะยาว รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเตรียมการเยียวยา โดยเฉพาะใน 21 อำเภอของนครศรีธรรมราช ที่มีน้ำท่วมขังใน 130 ตำบล 1,056 หมู่บ้าน และพื้นที่วิกฤตอื่นๆ พร้อมทั้งวางแผนยกระดับมาตรการป้องกันสถานพยาบาลจากภัยพิบัติ และพัฒนาระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายในช่วงวันที่ 18-22 ธันวาคม เนื่องจากปริมาณฝนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะเอื้อให้การฟื้นฟูและเยียวยาทำได้สะดวกขึ้น โดยนายกฯ แพทองธาร ได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะปักหลักให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบในทุกพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
แม้จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของรัฐบาล แต่การระดมสรรพกำลังและการลงพื้นที่ด้วยตนเองของผู้นำประเทศ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาระบบรับมือภัยพิบัติของประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในระยะยาว โดยรัฐบาลยืนยันว่ามีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเยียวยาผู้ประสบภัยทุกราย