รีเซต

มท.สั่งด่วนผู้ว่าฯ 62 จังหวัด จับมือเอกชน จัดสถานที่ฉีดวัคซีน 323 แห่ง

มท.สั่งด่วนผู้ว่าฯ 62 จังหวัด จับมือเอกชน จัดสถานที่ฉีดวัคซีน 323 แห่ง
TNN ช่อง16
15 พฤษภาคม 2564 ( 12:06 )
121
มท.สั่งด่วนผู้ว่าฯ 62 จังหวัด จับมือเอกชน จัดสถานที่ฉีดวัคซีน 323 แห่ง

วันนี้ (15 พ.ค.64) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มอบนโยบายในการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 64 โดยให้จังหวัดเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีน

นายฉัตรชัย กล่าวว่า เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์การบริหารจัดการวัคซีน (Incident Commander : IC) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาดำเนินการ

1) การจัดเตรียมสถานที่ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ รองรับการฉีดวัคซีน ให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ลงทะเบียนในพื้นที่ อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง โดยประสานสถานที่จากภาคราชการและเอกชนที่มีความพร้อมตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพิ่มเติมข้อมูลสถานที่ฉีดวัคซีนของจังหวัดทุกแห่งเข้าในระบบของแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" รวมทั้งซักซ้อมระบบการฉีดวัคซีนให้มีความพร้อมภายในวันที่ 28 พ.ค. 64  

2) การลงทะเบียนฉีดวัคซีน ให้วางระบบการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโดยใช้กลไกระดับพื้นที่ เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน/ชุมชน อาสาสมัคร คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) หรือผู้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมอบหมาย แบ่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการ โดยประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและความเชื่อมั่นกับประชาชน ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้มากที่สุด เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต และให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและยุติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นผลให้สามารถดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนโดยใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" เป็นช่องทางหลักในการลงทะเบียนฉีดวัคซีน สำหรับกรณีที่ประชาชนที่ไม่มีความพร้อมในการใช้แอปพลิเคชัน หรือไม่สามารถยืนยันการจองฉีดวัคซีนในแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ได้ อาจพิจารณาดำเนินการในช่องทางอื่น ๆ ที่สามารถส่งต่อหรือเชื่อมโยงข้อมูลกับแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ได้แก่ การใช้ระบบหรือวิธีการอื่นที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเห็นสมควร การลงทะเบียนโดยเจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมอบหมาย และการลงทะเบียน ณ จุดรับลงทะเบียนที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด

3) ให้วางระบบการฉีดวัคซีน ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เข้ารับบริการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างครบถ้วน โดยให้โรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุขทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการการฉีดวัคซีน

4) วางระบบการติดตามผลข้างเคียง หรือผลกระทบภายหลังจากการฉีดวัคซีน พร้อมจัดระบบการช่วยเหลือหากเกิดกรณีมีอาการไม่พึงประสงค์

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตามบัญชีแนบท้าย ด้วยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย หรือ ศบค.มท. ได้รับข้อมูลจากหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับสถานที่ของเอกชนที่เสนอเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนในจังหวัด

พร้อมทั้งแบบแปลนโมเดล (SCG และ CENTRAL) เพื่อเป็นตัวอย่างในการจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคนของภาคเอกชนที่ได้จัดเตรียมความพร้อมร่วมกับกรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย และเอกชนเจ้าของพื้นที่แล้ว รวมทั้งประเด็นข้อเสนอของหอการค้าภาค 5 ภาค เพื่อให้พิจารณาสนับสนุนข้อเสนอของภาคเอกชนในการทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไป รวมจำนวน 62 จังหวัด 323 แห่ง ดังนี้


1.ภาคเหนือ จำนวน 11 จังหวัด 46 แห่ง

ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก แพร่ พะเยา พิจิตร ลำปาง เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก

2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 16 จังหวัด 63 แห่ง

ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา ชัยภูมิ นครพนม บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี และอุบลราชธานี

3.ภาคกลาง จำนวน 18 จังหวัด 98 แห่ง

ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม ชัยนาท นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี

4.ภาคตะวันออก จำนวน 9 จังหวัด 52 แห่ง

ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว

5.ภาคใต้ จำนวน 10 จังหวัด 63 แห่ง

ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ ศบค.กระทรวงมหาดไทย  ขอให้จังหวัดพิจารณาสนับสนุนข้อเสนอของภาคเอกชนในการทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไป

สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีน ยกตัวอย่างเฉพาะหัวเมืองใหญ่ เช่น 

ภาคเหนือ ที่เชียงใหม่ 13 จุด

คือ บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาหางดง , บิ๊กซีเชียงใหม่ ดอนจั่น  ,บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเชียงใหม่ 2 , ห้างแม็คโคร เชียงใหม่ ,ห้างโลตัส เชียงใหม่คำเที่ยง ,โฮมโปรเชียงใหม่ สันทราย , ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ , ห้างเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ,ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล (ต.ฟ้าฮ่าม)  , ห้างเซ็นทรัล เอาต์เล็ต – เชียงใหม่ ,ห้างโรบินสัน เชียงใหม่ , คุ้มพญารีสอร์ทและสปา เซ็นทาราบูติก และร้านไทวัสดุ เชียงใหม่ ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นครราชสีมา 13 จุด

คือ ห้างบิ๊กซี ด่านขุนทด ,ห้างบิ๊กซีโคราช ,ห้างบิ๊กซีปากช่อง , ห้างแม็คโคร นครราชสีมา , ห้างโลตัส โคราช (ต.ในเมือง) ,ห้างโลตัส โคราช 2 (ต.หนองบัวศาลา) ,โฮมโปร เขาใหญ่ (อ.ปากช่อง) ,โฮมโปร นครราชสีมา (ต.ในเมือง อ.เมือง) ,โฮมโปรหัวทะเล (ต.หัวทะเล อ.เมือง) ,ห้างเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา ,ห้างเซ็นทรัล นครราชสีมา ,ไทวัสดุ นครราชสีมา และ ห้างเดอะมอลล์ โคราช 

ภาคตะวันออก จุดสำคัญ คือ ชลบุรี 30 จุด

ส่วนใหญ่ก็กระจายอยู่ในห้าง เช่น บิ๊กซี สาขาชลบุรี ,บิ๊กซี สาขาพัทยา ,แม็คโคร ชลบุรี (ต.เสม็ด) ,ห้างโลตัส และ โฮมโปร สาขาอมตะ ,ศูนย์การค้าโรบินสัน (บ่อวิน) - (ศรีราชา) - (ชลบุรี 2 ต.เสม็ด) ,ไทวัสดุ (ชลบุรี,ศรีราชา) รวมถึง ห้างและโรงแรมในเครือเซ็นทรัล 

ภาคใต้ ที่ภูเก็ต 17 จุด

ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในห้าง เช่น เซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล  ,เซ็นทรัลป่าตอง และโรงแรมในเครือเซ็นทรัล ,ห้างบิ๊กซี (สาขาภูเก็ต) ,บิ๊กซี (สาขา 2 ป่าตอง)  ,โลตัส (ถลาง)  ,โฮมโปรและ ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ ภูเก็ต (ฉลอง) ,โรบินสัน ภูเก็ต และไทวัสดุ ภูเก็ต 1 (ถลาง) 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง