ผลการศึกษาพบวัคซีนต้านโควิดเข็ม 4 เพิ่มภูมิต้านทานสูงกว่าเข็ม 3
วันนี้ (10 พ.ค.65) ทีมนักวิชาการ นำโดยมหาวิทยาลัยเซาธ์แทมป์ตัน ติดตามตรวจสอบตัวอย่างเลือด ในอาสาสมัครที่เข้าร่วมการศึกษานี้จำนวน 166 คนหลังฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มที่ 3 แล้ว เพื่อตรวจสอบและวัดระดับภูมิต้านทานและทีเซลล์ 2 ตัววัดที่สามารถบ่งบอกระดับความคุ้มครองในร่างกายมนุษย์ที่มีต่อไวรัส
ผลปรากฏว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 กระตุ้นเข็ม 4 เพิ่มระดับภูมิต้านทาน สูงกว่าระดับภูมิต้านทานหลังฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ผลการศึกษาล่าสุดดังกล่าว ได้ตีพิมพ์ในวารสารโรคติดเชื้อ “แลนเซ็ท”
ทีมนักวิชาได้ตรวจตัวอย่างเลือดอาสาสมัครหลายครั้ง ครั้งแรกหลังจากฉีดเข็ม 3 ไป 28 วัน ครั้งที่ 2 ก่อนฉีดเข็มที่ 4 หรือกว่า 200 วันหลังจากเข็ม 3 และครั้งสุดท้าย หลังจากฉีดเข็ม 4 ไป 14 วัน
ผลการศึกษาพบว่า ระดับภูมิต้านทานลดลงในช่วงระหว่างเข็ม 3 กับเข็ม 4 แต่หลังจากฉีดเข็ม 4 ไป 14 วันหรือ 2 สัปดาห์ ผลการตรวจเลือดพบว่า ระดับภูมิต้านทาน หรือแอนติบอดี เพิ่มขึ้นสูงยิ่งกว่าระดับภูมิต้านทานที่วัดได้หลังจากฉีดเข็ม 3 นอกจากนี้ ระดับภูมิต้านทานหลังฉีดเข็ม 4 ไปแล้ว 14 วัน ยังสูงกว่าระดับภูมิต้านทานที่วัดได้ในวันที่ฉีดเข็ม 4 ถึง 12-16 เท่าด้วย
กลุ่มคนที่เข้าร่วมการศึกษานี้ มีทั้งที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม ตามด้วย Pfizer เข็มที่ 3 และได้รับ Pfizer หรือ Moderna เป็นเข็มที่ 4 แต่ฉีด Moderna เพียงครึ่งโดสเท่านั้น และคนที่ได้รับ Pfizer ทั้ง 4 เข็ม หรือได้รับเข็มที่ 4 เป็น Moderna ครึ่งโดส
ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดเข็ม 4 ผลการศึกษาไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง แต่บางคนมีอาการปวดหรืออ่อนเพลีย
ทั้งนี้ นักวิจัยยังคงศึกษาระดับภูมิต้านทานหลังการฉีดวัคซีน และระยะเวลาที่วัคซีนสามารถคุ้มครองผู้ฉีดจากโควิด-19 รวมทั้งผลข้างเคียงของการฉีดเข็มกระตุ้นด้วย.
ภาพจาก TNN ONLINE