รีเซต

โควิด-19: จีน "ปิดปาก" ประชาชน และเขียนประวัติศาสตร์วิกฤตไวรัสขึ้นใหม่อย่างไร

โควิด-19: จีน "ปิดปาก" ประชาชน และเขียนประวัติศาสตร์วิกฤตไวรัสขึ้นใหม่อย่างไร
ข่าวสด
31 ธันวาคม 2563 ( 10:13 )
76

โดย เครี อัลเลน และ เจ้าอิน เฝิง

ผู้สื่อข่าวบีบีซี

ตอนวิกฤตโควิด-19 เริ่มต้น จีนต้องเผชิญกับความท้าทาย 2 ประการด้วยกัน คือ โรคที่ไม่มีใครรู้จักที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่ว และ เสียงผู้คนในโลกออนไลน์ที่กำลังบอกเล่าให้นานาชาติฟังว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในประเทศ

มาถึงสิ้นปี 2020 เมื่อลองดูสื่อจีน จะเห็นได้ว่ารัฐสามารถควบคุมจัดการความท้าทายทั้ง 2 ประการไว้ได้ดี

 

โยนความผิด

 

ตอนต้นปี เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีข้อความหลายพันข้อความบนโซเชียลมีเดียจีนที่แสดงความโกรธเกรี้ยว กล่าวหาว่ารัฐบาลท้องถิ่นกำลังปิดบังความจริงเรื่องเชื้อไวรัสที่มีลักษณะคล้ายโรคซาร์ส

 

SINA WEIBO
ผู้ใช้เว็บไซต์เว่ยโป๋ ตั้งคำถามว่าจะเกิดการระบาดในลักษณะโรคซาร์สอีกหรือไม่

 

โดยปกติแล้ว รัฐบาลจีนสามารถปิดกั้นข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ทางบนแพลตฟอร์มดัง ๆ อย่างเว็บไซต์โซเชียลมีเดียเว่ยโป๋ (Weibo) ได้ แต่ในครั้งนี้ มีเสียงวิจารณ์มากเสียจนรัฐไม่อาจปิดกั้นได้หมด และเวลาเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ๆ รัฐบาลจีนก็มักจะออกมาจัดการอย่างล่าช้า

 

ในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. สื่อหลายสำนักใช้โอกาสนี้ในการตีพิมพ์บทความสืบสวนเปิดเผยความจริงหลายชิ้น แต่เวลาต่อมา รายงานเหล่านี้ก็หายไปเมื่อรัฐบาลจีนคิดยุทธศาสตร์เพื่อโฆษณาชวนเชื่อขึ้นมาได้

 

PEOPLE'S DAILY
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่มีรูปประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลงหนังสือพิมพ์ของรัฐเลย

 

ช่วงกลาง ม.ค. ไม่ปรากฏภาพของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บนสื่อจีนเลย และเขาก็ไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะเลย โดยบางฝ่ายมองว่านี่เป็นการหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ

 

อย่างไรก็ดี ไม่ถึงสัปดาห์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงออกมาเตือนรัฐบาลท้องถิ่นว่าห้ามปกปิดเกี่ยวกับกรณีผู้ติดเชื้อในภูมิภาคของตัวเองเด็ดขาด

 

จากนั้น ในสื่อจีนและโซเชียลมีเดีย การกล่าวโทษเริ่มจะเบนทิศไปที่เมืองอู่ฮั่นแทน โดยหนังสือพิมพ์อย่างปักกิ่งนิวส์ (Beijing News) ลงบทความวิพากษ์วิจารณ์เมืองอู่ฮั่นที่ไม่แจ้งเรื่องโรคระบาดให้สาธารณะทราบเร็วกว่านี้

 

ต้นเดือน ก.พ. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ปรากฏตัวในที่สุดในฐานะเสาหลักแห่งความมั่นใจและความแข็งแกร่งขณะที่จีนพยายามจะฟื้นตัวจากวิกฤต

 

 

เซ็นเซอร์หมอและนักข่าว

 

นพ.หลี่ เหวินเลี่ยง กลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติว่าเป็นแพทย์ผู้นำความจริงออกมาเปิดโปงและเตือนเพื่อนร่วมงานเรื่องเชื้อโควิด-19 นพ.หลี่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.พ. หลังมีการเปิดเผยว่าเขาถูกสอบสวนข้อหา "รบกวนความสงบเรียบร้อยในสังคม" โดยการ "แสดงความคิดเห็นที่เป็นเท็จ"

 

SINA WEIBO
ผู้ใช้เว็บไซต์เว่ยโป๋ (Weibo) นับล้านคนไปเขียนข้อความแสดงความอาลัยบนบัญชีโซเชียลมีเดียของ นพ.หลี่

 

ผู้ใช้เว็บไซต์เว่ยโป๋นับล้านคนไปเขียนข้อความแสดงความอาลัยบนบัญชีโซเชียลมีเดียของเขา อย่างไรก็ดี ข้อความเหล่านั้นก็ถูกลบในเวลาต่อมา

 

แม้ว่าในเวลาต่อมา ทางการจะยกย่องให้ นพ.หลี่เป็น "ผู้พลีชีพ" แต่นักเคลื่อนไหวคนสำคัญ ๆ หลายคนกลับถูกลบออกจากประวัติศาสตร์การต่อสู้โควิด-19 ของประเทศ

 

นักข่าวหลายคน อาทิ เฉิน ชิวสือ, ฟาง ปิน และ จาง จ่าน สามารถบอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นให้โลกภายนอกฟังได้สำเร็จ แต่ก็มี "ราคา" ที่ต้องจ่าย คณะกรรมการปกป้องนักข่าว (CPJ) ที่มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กระบุว่า ทางการจีนจับกุมนักข่าวหลายคนที่เสนอข่าวซึ่งส่งผลกระทบต่อ "เรื่องเล่าอย่างเป็นทางการ" ของจีนในการรับมือกับโรคระบาด โดยคณะกรรมการนี้บอกว่าขณะนี้มีนักข่าวที่ถูกจำคุกอยู่ 3 ราย

 

YOUTUBE/SCREENSHOT
จาง จ่าน ถูกจำคุกเพราะรายงานข่าวจากในเมืองอู่ฮั่น

 

เขียนประวัติศาสตร์ใหม่

 

จีนพยายามที่จะวาดภาพวิกฤตที่เกิดขึ้นในเชิงบวก

 

เช่นเดียวกับที่บางคนกังวลว่าซีรีส์เดอะคราวน์ (The Crown) บนเน็ตฟลิกซ์ จะวาดภาพราชวงศ์อังกฤษอย่างบิดเบี้ยว ไม่สมจริง คนจีนหลายคนก็กลัวว่าหนังสือและละครทีวีหลังยุคโควิด-19 จะไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจริง ๆ

 

ฟาง ฟาง นักเขียนจีนซึ่งได้รับคำชมว่าบันทึกของเธอช่วยให้โลกภายนอกเข้าใจความกลัวและความหวังของคนในเมืองอู่ฮั่น แต่เวลาต่อมา ชาวจีนที่มีแนวคิดชาตินิยมก็เข้าไปโจมตีไดอารี่บนโลกออนไลน์ของเธอว่าทำให้จีนเสื่อมเสียด้วยเรื่องเล่าเหมือนว่ากำลังจะถึงวันโลกาวินาศ

 

Getty Images
ฟาง ฟาง โดนชาวจีนที่มีแนวคิดชาตินิยมโจมตีไดอารี่บนโลกออนไลน์ของเธอว่าทำให้จีนเสื่อมเสีย

 

สื่อจีนพยายามส่งเสริมหนังสือเล่มอื่น ๆ รวมถึงที่เขียนโดยชาวต่างชาติ ที่ช่วยเสนอว่าทางการจีนสามารถรับมือกับโรคระบาดได้ดี

 

อย่างไรก็ดี สื่อของรัฐก็เจอกระแสโต้กลับในบางกรณี อย่างละครทีวีที่ชื่อ "Heroes in Harm's Way" ที่บอกว่าอิงจากเหตุการณ์จริงของผู้ที่ทำงานแนวหน้า โดนวิจารณ์ว่าไม่ให้ความสำคัญว่าผู้หญิงมีบทบาทแค่ไหนในวิกฤตในครั้งนี้

 

 

ภาพลักษณ์ในโลกตะวันตก

 

ตอนนี้ จีนพยายามจะตีตัวห่างจากข้อเท็จจริงที่ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มระบาดจากในประเทศ และพยายามบอกว่าจีนรับมือกับโควิด-19 ได้ดีกว่าโลกตะวันตกเพราะระบอบการเมืองดีกว่า

 

สื่อจีนไม่ใช่แค่พยายามให้เลิกใช้คำว่า "ไวรัสอู่ฮั่น" แต่ถึงขั้นเสนอว่าเชื้อไวรัสอาจจะเริ่มแพร่ระบาดในชาติตะวันตกก่อน

 

สื่อจีนพยายามชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ รวมถึงสหราชอาณาจักร รับมือกับโควิด-19 ได้แย่แค่ไหน จนถึงขั้นที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางคนเรียกไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า "ไวรัสอเมริกัน" และ "ไวรัสทรัมป์"

 

หนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ของจีนพยายามชี้ให้เห็นว่าสื่อสหรัฐฯ โจมตีกันเอง และนักการเมืองก็ให้ความสำคัญเรื่องการเลือกตั้งมากกว่าการสาธารณสุข และการเลือกตั้งที่วุ่นวายและไม่จบไม่สิ้นทำให้ประเทศแตกแยกแค่ไหน

 

จีนพยายามจะสื่อสารว่าประเทศกำลังจะส่งท้ายปีนี้ด้วยความเจริญก้าวหน้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ต้องเตรียมตัวรับกับความแตกแยกและไม่มั่นคงต่อไปในปีหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง