SCC โบรกฯ คาดงบ Q3/68 พลิกขาดทุน 456-698 ลบ. ธุรกิจปิโตรเคมีฉุด

#SCC #ทันหุ้น-บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ซึ่งโบรกเกอร์คาดว่าจะประกาศงบไตรมาส 3/68 ในวันพรุ่งนี้(29 ต.ค.2568) โดยคาดว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นขาดทุน เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 ที่มีกำไร 17,337.29 ล้านบาท สาเหตุที่ผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 ขาดทุน เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังไม่ดี จึงเป็นตัวฉุด
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดว่า SCC ในไตรมาส 3/68 จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 622 ล้านบาท แม้ธุรกิจซีเมนต์จะได้ประโยชน์จากการทยอยปรับราคาขายอย่างต่อเนื่อง การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การเพิ่มสัดส่วน Low Carbon Cement รวมทั้งไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก CAP อย่างไรก็ตามงบไตรมาส 3/68 ยังถูกกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมี โดยธุรกิจโอเลฟินส์อ่อนแอลง ตาม Spread HDPE ที่ลดลง จากความต้องการใช้ชะลอตัว, ค่าใช้จ่ายการเริ่มกลับมาผลิตของโรงงาน LSP การขาดทุนการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ NRV ของโครงการ LSP และธุรกิจวัสดุก่อสร้างชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล และมหภาค
อย่างไรก็ตามมองว่าแนวโน้ม Spread จะฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 และในปี 2569 เนื่องจากการเริ่มปรับลดกำลังผลิต, ทิศทางราคาน้ำมัน และการกลับเข้าสู่ระดับปกติของต้นทุน Naphtha
กลยุทธ์ คงคำแนะนำเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 234 บาท
บล.กสิกรไทย คาด SCC ในไตรมาส 3/68 จะขาดทุนสุทธิ 500 ล้านบาท ลดลง 169.3% YoY และลดลง 102.9% QoQ โดยธุรกิจเคมีภัณฑ์จะอ่อนตัวลงจากส่วนต่างราคา PE และ PP ที่ลดลง 9-16% ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากการปรับราคาขายปูนซีเมนต์ที่สูงขึ้น และผลขาดทุนที่ลดลงของ Fajah ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCGP
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 คาดว่าจะกลับมาเป็นบวก จากรายได้เงินปันผลที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะชดเชยผลกระทบของอุปสงค์ตามฤดูกาลที่ลดลงของธุรกิจ และมองว่า downside จากธุรกิจเคมีภัณฑ์มีจำกัด เนื่องจากปัจจุบันส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ได้อยู่ต่ำกว่าต้นทุนเงินสด ในขณะที่อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงก่อนสิ้นปี
ฝ่ายวิจัยกสิกรไทย แนะนำซื้อ หุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมาย 246 บาท
บล.เอเซีย พลัส คาดผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 ของ SCC ไม่สดใส ประเมินว่าจะขาดทุน 698 ล้านบาท โดยมีปัจจัยกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมีที่มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจาก Spread ผลิตภัณฑ์หลักทั้ง PE-Naphtha และ PP-Naphtha ปรับตัวลดลง อีกทั้งมีค่าใช้จ่าย One Time จากการกลับมา Start Up โรงงาน LSP ที่เวียดนาม ในเดือน ส.ค และการประเมิน NRV Loss ของสินค้าที่ผลิตจากโรงงาน LSP ส่วนผลประกอบการธุรกิจ Packaging และซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง แม้คาดจะทำได้ดีกว่าปีก่อน รับอานิสงค์จากโครงการลดต้นทุนต่างๆ และการปรับราคาขายปูนซีเมนต์ในประเทศขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอชดเชยผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจปิโตรเคมี
สถานการณ์ Spread ธุรกิจปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลงรุนแรงในเดือน ก.ย จะทำให้โรงงาน LSP ต้องหยุดการผลิตหลังใช้ Feed Stock หมดลงในเดือน ต.ค นี้ เช่นเดียวกันผู้ผลิตหลายรายที่ได้ประกาศหยุดเดินเครื่องไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะทนแบกขาดทุนไม่ไหว
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ระบุว่าความเสี่ยงที่จะเห็นแรงทำกำไรระยะสั้นในช่วงประกาศงบไตรมาส 3/68 จากผลประกอบการที่ไม่สดใส หลังราคาหุ้น SCC ปรับขึ้นมาแล้ว33% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บนความหวังเชิงบวกต่อแผนการพลิกฟื้นธุรกิจ คงน้ำหนักการลงทุน Underperform ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ที่210 บาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดว่า SCC จะรายงานขาดทุนสุทธิ 618 ล้านบาทในไตรมาส 3/68 โดยมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง และผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการกลับมาเดินเครื่องโรงงาน LSP ในเวียดนาม รวมถึงการบันทึกขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสิทธิที่ได้รับในไตรมาส 3/68 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจซีเมนต์ยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยปูนซีเมนต์แบบเทกอง และการมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ HVA มากขึ้น
โดยคงคำแนะนำถือ ให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 227 บาท เชื่อว่าตลาดรับรู้ปัจจัยบวกไปแล้ว และคาดว่าผลดำเนินงานปกติในงวดครึ่งปีหลังจะยังคงอ่อนแอจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำ
บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ คาดว่า SCC ในไตรมาส 3/68 พลิกกลับมาขาดทุน 456 ล้านบาท จากธุรกิจเคมิคอลส์ตามการกลับมาเดินเครื่องของ LSP ทำให้มีค่าใช้จ่ายเริ่มเดินเครื่อง สเปรดปิโตรเคมีลดลง และรายการ NRV อย่างไรก็ตามธุรกิจซีเมนต์และ SCGD แข็งแกร่งตามตลาดปูนซีเมนต์และกลยุทธ์ลดต้นทุน แต่ก็คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4/68 จะกลับมาฟื้นตัวจากธุรกิจเคมิคอลส์ โดยแนะนำซื้อเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายที่ 220 บาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
