ธปท. จ่อคลอดเกณฑ์ JVAMC ใหม่ใน 2 วัน พร้อมโครงการช่วยลูกหนี้ 4 ล้านคน มูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท

#ทันหุ้น #ธปท. จ่อคลอดเกณฑ์ JVAMC ใหม่ใน 2 วัน พร้อมโครงการช่วยลูกหนี้ 4 ล้านคน มูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท
Key Takeaways: สรุปประเด็นหลัก
- ปัญหาเชิงโครงสร้าง: หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงที่ 87% ของ GDP และ 80% ของลูกหนี้มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นแรงเหนี่ยวรั้งสำคัญต่อกำลังซื้อและการเติบโตของเศรษฐกิจ
- มาตรการ JVAMC ใหม่: ธปท. จะประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดตั้ง JVAMC ใน 2-3 วัน นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ขยายขอบเขต การดำเนินงานให้คล่องตัวขึ้น (โดยเฉพาะบริษัทลูกของธนาคารรัฐ) เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่และเร่งรัดการแก้ไข NPL
- โครงการแก้ไขหนี้เฉพาะจุด (มูลหนี้ < 1 แสนบาท): เป็นโครงการร่วมระหว่าง ธปท., กระทรวงการคลัง, และสมาคมธนาคารไทย เพื่อแก้ปัญหาหนี้สำหรับลูกหนี้ 4 ล้านคน ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยตั้งเป้าหมายช่วยเหลือในเฟสแรก 1.5 ถึง 2 ล้านราย
- กลไกการโอนหนี้: NPL ต่ำกว่า 1 แสนบาท จะถูกโอนไปให้ SAM (ดูแลหนี้จากธนาคารพาณิชย์/Non-Bank) และ บบส.อารีย์ (ลูกออมสิน) กับ BAM (ดูแลหนี้จากธนาคารรัฐ) เข้ามาบริหารจัดการ
ธปท. เร่งเครื่องแก้ไขหนี้ครัวเรือนเชิงโครงสร้าง: จ่อคลอดเกณฑ์ JVAMC ใหม่ใน 2-3 วัน ควบคู่โครงการกู้ชีพลูกหนี้ 4 ล้านคน มูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท
กรุงเทพฯ – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้การนำของ นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยเตรียมประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดตั้ง บริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ (JVAMC) ภายใน 2-3 วันข้างหน้านี้ พร้อมกับการเปิดตัวโครงการแก้ไขหนี้เฉพาะจุดสำหรับลูกหนี้รายย่อยที่มีมูลหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ใน 1-2 สัปดาห์
ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 87% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความสามารถในการใช้จ่ายและกำลังซื้อของประชาชน โดยในจำนวนลูกหนี้ทั้งหมดนั้น 80% มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จะส่งผลให้หนี้เสีย (NPL) ทวีความรุนแรงขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
JVAMC ใหม่: ขยายขอบเขตและเพิ่มความคล่องตัว
การแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์การจัดตั้ง JVAMC ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ เป็นการรื้อฟื้นประกาศเดิมที่หมดอายุไปเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา แต่จะมีการ ขยายขอบเขต (Scope Expansion) ให้กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและกระตุ้นให้เกิดการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) มากขึ้น
นายวิทัยชี้แจงว่า หลักเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทลูกของธนาคารของรัฐ (State-Owned Banks) ที่เดิมอาจมีขอบเขตการดำเนินงานจำกัด สามารถขยายขอบเขตให้ทำได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดตั้ง JVAMC ใหม่ ๆ และช่วยให้การแก้ไขปัญหาหนี้เสียมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
โครงการเฉพาะกิจ: กู้ชีพหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท
นอกจากการปรับปรุงเกณฑ์ JVAMC แล้ว ธปท. ยังได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังและสมาคมธนาคารไทย เพื่อเร่งดำเนินการจัดตั้ง โครงการแก้ไขหนี้เฉพาะจุด สำหรับลูกหนี้รายย่อยที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่ราว 4 ล้านคน
โครงการดังกล่าวจะเริ่มทยอยแก้ไขในเฟสแรก คาดว่าจะสามารถช่วยลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เสีย (NPL) ให้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 1.5 ถึง 2 ล้านราย โดยมีกลไกสำคัญคือการโอนหนี้ NPL ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ เข้าไปให้ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) เข้ามาดูแล
ขณะที่หนี้ NPL ของธนาคารของรัฐนั้น ส่วนหนึ่งจะถูกส่งต่อไปยัง บริษัท บริหารสินทรัพย์ อารีย์ (บบส.อารีย์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารออมสิน และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) เข้ามาช่วยดูแลต่อ
ความพยายามในการแก้ปัญหาหนี้เฉพาะจุดนี้ แสดงให้เห็นถึงแนวคิดใหม่ของ ธปท. ที่ต้องการเข้าถึงและแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชนในแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกำลังซื้อโดยรวมของประเทศที่ถูกปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงเหนี่ยวรั้งไว้
สรุปรายละเอียดทั้งหมดปิดท้าย
ผู้ว่าการ ธปท. ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 87% ของ GDP และปัญหาผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ 80% โดยจะดำเนินการผ่าน 2 มาตรการหลัก: (1) การปรับปรุงเกณฑ์ JVAMC ให้มีขอบเขตกว้างขึ้นและคล่องตัวในอีก 2-3 วันนี้ และ (2) การเปิดตัวโครงการแก้ไขหนี้เฉพาะกิจสำหรับลูกหนี้ 4 ล้านคน ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยตั้งเป้าช่วย 1.5-2 ล้านราย ในเฟสแรก โดยจะมีการโอนหนี้ NPL ไปให้ AMC หลักคือ SAM และ BAM เข้ามาดูแล ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและปลดล็อคการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ.
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
