ธุรกิจ ความรู้ และความหลงใหล คือรากฐานของความมั่นคง - ฟลุค เกริกพล

บทสัมภาษณ์จากรายการ Wealth Idol ตอนพิเศษพูดคุยกับ “ฟลุค เกริกพล” ว่าด้วยปรัชญาธุรกิจ–การลงทุน การจัดสมดุลชีวิต และบทเรียนจริงที่พาเขาจากคนบันเทิงสู่ผู้ประกอบการและนักลงทุนตัวจริง

ฟลุค เกริกพล หนุ่มนักแสดงที่หลายคนคุ้นหน้า แต่เบื้องหลังคือ “นักลงทุนและนักธุรกิจตัวจริง” ที่มองชีวิตบนความเข้าใจว่า “ไม่มีอะไรมั่นคง” การเริ่มต้นทำธุรกิจของเขาเกิดขึ้นหลังมีลูก เพราะรู้ว่ารายได้จากวงการบันเทิงไม่แน่นอน เขาจึงเลือกสร้างสิ่งที่ควบคุมได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากสิ่งที่รัก—การกินและท่องเที่ยว—จนเกิดเป็นรายการ “กินเที่ยวทั่วโลก” รายการรีวิวอาหารและท่องเที่ยวแนวเรียลจริงใจ จ่ายเงินเอง รีวิวตรงไปตรงมาแบบไม่อวย ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางใหม่ของวงการโทรทัศน์ไทยในยุคนั้น

จากรายการทีวี สู่เส้นทางธุรกิจร้านอาหาร “Lawry’s The Prime Rib Bangkok” สาขาไทยของแบรนด์ระดับโลกกว่า 80 ปี คุณฟลุคประทับใจรสชาติร้านต้นตำรับที่อเมริกาในช่วงโควิด และเชื่อในแบรนด์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีระบบ Business Model มั่นคง จึงลงทุนกว่าร้อยล้านบาท ทั้งค่าไลเซนส์ 600,000 เหรียญ และเทรนนิ่งทีมงานอีก 5 ล้านบาท เพื่อให้ได้มาตรฐานระดับโลก Lawry’s เลือกเขาเพราะ “เห็นแพชชั่น ไม่ใช่เงิน” และให้สิทธิ์พัฒนาเมนูใหม่อย่างน้ำจิ้มแจ่วสไตล์ไทยที่ผ่านการอนุมัติจาก CEO สาขาใหญ่ นอกจากนี้เขายังใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่เตาอบ สองด้าน ราคา 8 แสนบาท จนถึงการดีไซน์ร้านให้เป็น Family Restaurant ที่เด็กและครอบครัวสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้

ด้านการลงทุน คุณฟลุคเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 16 ปี จากการที่คุณพ่อเปิดพอร์ตหุ้นให้และบริหารแทน ก่อนจะเริ่มลงทุนเองตอนอายุ 19 โดยอาศัย “หุ้นเพื่อนบอก” จนได้กำไรหลักล้านและเคยเกือบขาดทุนจากการ All-in และ Margin ในหุ้นตัวเดียว ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาเรียนรู้บทเรียนสำคัญว่า “หุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง” และตั้งแต่นั้นมาจึงเลือก “กระจายความเสี่ยง” อย่างจริงจัง ปัจจุบันถือหุ้นกว่า 50 ตัวและไม่ใช้มาร์จิ้น เพราะมีครอบครัวต้องดูแล

ต่อมาเขาเข้าสู่โลก คริปโต ตามคำชวนของลูกชาย “อชิ” ที่เริ่มลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum เขาใช้แนวทาง “ซื้อถัวเฉลี่ย” และกระจายความเสี่ยงในหลายเหรียญ แม้พอร์ตจะเคยขาดทุนสูงสุด 70% แต่ไม่ยอมขาย เพราะมองว่าเป็น “การลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตของลูก” และวันนี้พอร์ตคริปโตกลับมาบวกเกือบแซงพอร์ตหุ้นแล้ว

สำหรับ Work-Life Balance คุณฟลุคจัดเวลาให้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กของลูก (0–10 ปี) ที่เขาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์ จึงเลือกทำงานและนัดเพื่อนเฉพาะช่วงที่ลูกหลับหรือไปโรงเรียน พร้อมย้ำว่าความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่แค่รายได้ แต่คือ “เวลาที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก”

ในมุมมองต่อธุรกิจและการลงทุน เขามองว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐ (Policy)” ซึ่งสามารถเปลี่ยนทิศทางเศรษฐกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้าเนื้อหรือพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ธุรกิจที่ดีที่สุดคือ “ธุรกิจที่เราถนัดและมีความรู้มากกว่าคนอื่น” สำหรับเขา ความรู้เรื่องอาหารคือจุดแข็ง เพราะสามารถบอกได้ทันทีจากรสชาติว่า วัตถุดิบ หรือขั้นตอนการปรุง มีข้อผิดพลาดตรงไหน และนั่นคือความรู้ที่ต่อยอดสู่ความมั่นคงในระยะยาว

เมื่อถามถึงการลงทุนที่เลือกได้เพียงอย่างเดียว คุณฟลุคตอบว่า “หุ้น” เพราะมีสภาพคล่องและปรับตัวได้เร็วกว่าอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าเปรียบระหว่าง “หุ้นกับบิทคอยน์” เขากลับเลือก บิทคอยน์ เพราะเชื่อว่าปัจจัยดีมานด์ซัพพลายและการยอมรับในอนาคต จะทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นมหาศาล อย่างไรก็ตาม หากต้องเลือกสุดท้าย เขายังยืนยันว่า “ธุรกิจที่เราชอบและมีความรู้” คือการลงทุนที่ดีที่สุด

และเมื่อถามถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่าง “ธุรกิจกับความรู้” คำตอบของเขาชัดเจน  

“ผมเลือกความรู้ เพราะถ้าไม่รู้ เราก็ลงทุนผิด และเจ๊งแน่นอน”