พลังดูด "ภูมิใจไทย" สส.ไหลเข้าพรรคสีน้ำเงิน สั่นคลอน MOA หรือไม่ ?

การไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย ของนักการเมืองบิ๊กเนม ส.ส.เกรดเอ ไปจนถึงกลุ่มการเมือง กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่อาจสร้างสมการทางการเมืองขึ้นมาใหม่
ภาพของภูมิใจไทยที่นับวันยิ่งใหญ่โต ขยายฐานที่มั่นทางการเมืองใหญ่ขึ้น ทำให้เริ่มมีคำถามตามมาว่ารัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล กำลังสะสมกำลังเพื่อปรับสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย ให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้ามมาก ซึ่งผิดต่อ MOA กับพรรคประชาชน หรือไม่?
คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่ ตัวเลข สส.
รัฐบาลเสียงของน้อยของนายอนุทินประกอบด้วย สส.146 คน จาก
ภูมิใจไทย 68
กล้าธรรม 31
พลังประชารัฐ 17
รวมไทยสร้างชาติ 16
เพื่อไทย 8
ไทยสร้างไทย 3
ประชาธิปัตย์ 3
ซึ่งหากดูจำนวนที่นั่ง สส.ฝ่ายรัฐบาลเอง ก็พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลัง รั่วไหล ถูกดูด และถ่ายโอน อย่างเป็นระบบ เพราะภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ก็เริ่มเห็นการขยับตัว มุ่งหน้ามาภูมิใจไทย อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น จากไทยรักษาชาติ (16 เสียง)
สันติ พร้อมพัฒน์ จากพลังประชารัฐ (7 เสียง)
นิพนธ์ บุญญามณี จากประชาธิปัตย์ (3 เสียง)
ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ จากเพื่อไทย (8 เสียง)
สรุป คือ กลุ่มนี้ยังอยู่ข้างเดิม เป็นรัฐบาลเหมือนเดิม ใน 146 เสียง เพียงแต่เปลี่ยนสีเสื้อมาอยู่กับภูมิใจไทยแบบไม่เป็นทางการ โดยยังไม่ลาออกจากสมาชิกพรรคเดิม
ส่วนกลุ่ม สส. พรรคฝ่ายค้าน หรือ กลุ่ม สส. ที่อยู่นอกเหนือจาก 146 เสียงที่โหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่แรก ประกอบด้วย นายโกศล ปัทมะ น้องชายของนายนพดล ปัทมะ, นายพงศกร อรรณนพพร จากเพื่อไทย , บ้านใหญ่โคราช ตระกูลรัตนเศรษฐ รวมไปถึงเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายจุติ ไกรฤกษ์, นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, นายอนุชา บูรพชัยศรี
โดยส่วนใหญ่เป็นการปรากฏตัวเพื่อแสดงจุดยืน ยังไม่มีการสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากหลายคนยังคงดำรงตำแหน่ง สส.อยู่
จะเห็นได้ว่าหากรวมเสียงทั้งหมดที่ไหลเข้ามาในขณะนี้ ตัวเลขก็ยังห่างไกลจากจุดเปลี่ยน 246 เสียง ที่จะเปลี่ยนสถานะรัฐบาลจากเสียงข้างน้อย เป็น เสียงข้างมาก
นั่นทำให้เห็นว่า พลังดูดสีน้ำเงินของภูมิใจไทยในรอบนี้ ไม่ได้มุ่งที่การเพิ่มเสถียรภาพให้รัฐบาลอายุ 4 เดือน แต่คือการปูฐานเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569 อย่างชัดเจน
ประเด็นนี้สอดคล้องกับมุมมองของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน
ที่เห็นว่าโอกาสที่ภูมิใจไทยจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากยังไม่ปรากฏชัด
พร้อมยืนยันว่า หากสถานการณ์พัฒนาไปในทิศทางนั้น พรรคประชาชนจะใช้กลไกสภา ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อสกัดทันที
ณัฐพงษ์ยังประเมินว่า การชิงยุบสภาเพื่อตัดตอนการอภิปราย มีความเป็นไปได้น้อย
เพราะอาจสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยเองก็ต้องรับความเสี่ยง
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “พลังดูด” ของภูมิใจไทย ไม่ใช่แค่การประคองรัฐบาล
แต่คือการวางกลยุทธ์ระยะยาว สำหรับการเลือกตั้งปี 2569
และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดขั้วการเมืองใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
