รู้จัก เอชไพโลไร เชื้อที่แพร่จากเจ๊หงษ์ จากการจูบ

โลกโซเชียลได้เกิดกระแสฮือฮาอีกครั้งจากข่าวที่โค้ชฟิตเนสหนุ่มชาวจีน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ผู้เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “เจ๊หงษ์” หรือหญิงวัยกลางคนจากเมืองหนานจิง ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Helicobacter pylori หรือ เอชไพโลไร (H. pylori) จากการ “จูบ” เจ๊หงษ์ และขอเตือนผู้ชายคนอื่นให้ระวังความใกล้ชิดกับหญิงวัยผู้ใหญ่ หลังผลตรวจทางการแพทย์ยืนยันว่าติดเชื้อจริง
เอชไพโลไร เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดเกลียว ที่สามารถอาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหารของมนุษย์ได้ แม้ในสภาพที่มีกรดสูง โดยจะสร้างเอนไซม์ยูรีเอส (urease) เพื่อลดกรดรอบตัว เชื้อนี้สามารถทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น และในระยะยาวยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้เอชไพโลไรเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1
แม้จะไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยตรง แต่เอชไพโลไรสามารถแพร่กระจายได้จากการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การจูบ การใช้ภาชนะร่วมกัน (เช่น ช้อน แก้วน้ำ) รวมถึงการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ ซึ่งเรียกว่าการติดเชื้อแบบ “ปาก–ปาก” หรือ “ปาก–อุจจาระ” จึงไม่น่าแปลกใจนักหากเชื้อจะแพร่สู่กันผ่านการจูบระหว่างคู่รัก หรือคนที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
ในระยะแรกของการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลย แต่หากปล่อยไว้นาน อาจเริ่มมีอาการแสบท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือปวดท้องเรื้อรัง หากรุนแรงอาจพบเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือถ่ายดำได้ และในบางกรณีที่เป็นเรื้อรังโดยไม่รักษา เชื้ออาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ของเซลล์ในกระเพาะ นำไปสู่มะเร็งได้ในอนาคต
การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยหลายวิธี เช่น การตรวจลมหายใจ (Urea Breath Test), การตรวจอุจจาระหาแอนติเจนของเชื้อ หรือการส่องกล้องตรวจกระเพาะแล้วเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจ ยิ่งตรวจพบเร็ว ยิ่งรักษาได้ง่าย แพทย์มักให้ยาปฏิชีวนะควบคู่กับยาลดกรดเพื่อกำจัดเชื้อ โดยต้องกินติดต่อกัน 10–14 วัน
การป้องกันการติดเชื้อนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงใส่ใจเรื่องสุขอนามัยพื้นฐาน เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงหลีกเลี่ยงการจูบกับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่ นอกจากนี้ หากคนในบ้านเคยติดเชื้อ ควรพาคนอื่นในบ้านไปตรวจด้วย เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อร่วมกันโดยไม่รู้ตัว
กรณีของเจ๊หงษ์อาจดูเป็นเรื่องส่วนตัวหรือข่าวซุบซิบในมุมหนึ่ง แต่ก็สะท้อนประเด็นทางสาธารณสุขที่น่ากังวล และควรเป็นจุดเริ่มต้นให้คนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหารอย่างจริงจัง เชื้อเอชไพโลไรอาจจะเงียบ แต่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
