รีเซต

วิบากกรรม! "SHEIN" ฉุดมูลค่าร่วงหนักท่ามกลางการประท้วง

วิบากกรรม! "SHEIN" ฉุดมูลค่าร่วงหนักท่ามกลางการประท้วง
TNN ช่อง16
10 พฤศจิกายน 2568 ( 12:15 )
11

SHEIN ถูกจับตามองจากทั่วโลกต่อเนื่อง ในฐานะสตาร์ทอัพดาวรุ่ง ที่มีโมเดลธุรกิจโดดเด่น ทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่มูลค่าธุรกิจก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่

ก่อตั้งโดยนักธุรกิจชาวจีนที่ชื่อ Chris Xu ตั้งแต่ปี 2008 เริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มขายชุดแต่งงาน และในปี 2012 ได้ขยายธุรกิจไปสู่เสื้อผ้าแฟชันผู้หญิง และเปลี่ยนชื่อเป็น Sheinside.com จากนั้น เปลี่ยนอีกครั้งเป็น SHEIN ในปี 2015 เพื่อปรับทิศทางสู่ธุรกิจฟาสต์แฟชั่นอย่างเต็มรูปแบบ

ในช่วงแรก SHEIN ยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบหรือผลิตเอง แต่ต่อมาค่อย ๆ สร้างทีมดีไซเนอร์ของตัวเอง จนมีมากกว่า 1,000 คน และยังสร้างความร่วมมือกับโรงงานผลิตในจีนมากกว่า 3,000 แห่ง

นอกจากนี้ ยังพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data เพื่อช่วยคาดการณ์ว่าสินค้าแบบไหนจะขายดี และใช้ข้อมูลนั้นมากำหนดจำนวนการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ขณะเดียวกัน ยังสามารถจำหน่ายได้ถูกกว่าคู่แข่งรายใหญ่ในธุรกิจฟาสต์แฟชัน ประมาณร้อยละ 30-50 

โมเดลธุรกิจของ SHEIN ถูกเรียกว่า Ultra-fast fashion คือการใช้ระบบซัพพลายเชนแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ที่ออกแบบ ผลิต และเปิดขายเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งต่างจากแบรนด์คู่แข่ง ที่ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนและการขายแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ประกอบกับจุดเด่นที่เข้าใจจริตของผู้บริโภครุ่นใหม่รวมทั้ง การขายในราคาต่ำ ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด 19 ที่ผู้คนหันมาช้อปออนไลน์กันมากขึ้น

ซึ่งจากการขยายตลาดไปทั่วโลก ทำให้ในปี 2020 มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แตะที่ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และความนิยมก็พุ่งสูง จนเดือนพฤษภาคม 2021 แซงหน้า Amazon ขึ้นเป็นแอปช้อปปิงที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ อีกด้วย

หลังจากการระดมทุนในตลาดเอกชน (private market) ช่วงเดือนเมษายน ปี 2022 SHEIN กลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในกลุ่มธุรกิจแฟชัน และมูลค่าดังกล่าวยังสูงกว่าคู่แข่ง 2 รายที่อยู่ในตลาดหุ้นรวมกัน คือทั้ง Inditex Group บริษัทแม่ของ Zara ในสเปน และ H&M จากสวีเดน ทั้งยังขึ้นแท่นเป็นบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ตามข้อมูลของ CB Insights รองจาก Byte Dance บริษัทแม่ของ TikTok และ SpaceX ของอีลอน มันสต์ ที่อยู่อันดับ 2 ในช่วงเวลาดังกล่าว

แต่หลังการระดมทุนอีกครั้ง ในปี 2023 กลับพบว่ามูลค่าของบริษัทฯ ลดลงเหลือที่ประเมินไว้ราว 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

เมื่อต้นปี 2025 SHEIN ยังเผยว่ากำลังเจอกับแรงกดดันจากนักลงทุน ให้ปรับมูลค่าบริษัทลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง โดย บลูมเบิกร์ก รายงานว่า อาจลดลงเหลือเพียง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ในลอนดอน ขณะที่ รอยเตอร์ รายงานว่า SHEIN เตรียมลดมูลค่าบริษัทลงเหลือราว 50,000 ล้านดอลลาร์ ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน

อย่างไรก็ดี ตัวเลขมูลค่าบริษัทสตาร์อัพ ตามข้อมูลของ ชีอิน ตามข้อมูล CB Insights  ยังคงไว้ที่ 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ การพลาดหวังจากแผนการทำ IPO อยู่หลายครั้ง เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าบริษัทฯ ของ SHEIN

จากเป้าหมายแรก คือที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก จากนั้น เปลี่ยนไปที่ตลาดหุ้นลอนดอนแทน และล่าสุด ขยับมาที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดย SHEIN จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานทางการของจีนก่อน

แม้ว่าปัจจุบันจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ แต่ผู้ค้าปลีกรายนี้ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (CSI) ซึ่งกำหนดให้บริษัททั้งหมดที่มีความเชื่อมโยงกับจีน จะต้องผ่านการตรวจสอบก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ

โดย แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชันรายนี้ เผชิญการตรวจสอบทั้งจากการเมือง และอุปสรรคด้านกฎหมาย รวมถึงการถูกตั้งคำถามในหลายประเด็นเชิงสังคม ทั้งความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน การใช้แรงงานราคาถูก และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 

แม้ว่าบริษัทฯ จะออกมาชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น

อีกปัจจัยลบ คือการแข่งขันในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ทั้งคู่แข่งจากประเทศเดียวกัน อย่าง Temu ของ PDD Holdings และ Zara ที่มุ่งแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับคืนต่อเนื่อง

ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เป็นอีกปัจจัยกดดัน รวมถึงการยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีแบบ de minimis สำหรับพัสดุขนาดเล็ก เนื่องจากสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ของแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางปัจจัยลบดังกล่าว ล่าสุด Shein Group ได้แจ้งนักลงทุนถึงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025 อยู่ที่ราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบลูมเบิร์ก ระบุว่า จากคาดการณ์ดังกล่าว บ่งชี้ได้ว่า SHEIN อาจมีกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีที่แล้ว ที่มีกำไร 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดยผลไตรมาสแรกของ SHEIN มีรายได้เกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้สุทธิอยู่ที่สูงกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากผู้บริโภค แห่ซื้อสินค้าก่อนการยกเลิกมาตรการ de minimis จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว 

ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังพิจารณายกเลิกมาตรการ de minimis ในแบบเดียวกับสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป ที่มีการผลักดันในเรื่องนี้ ซึ่งสถานการณ์ในฝรั่งเศส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา SHEIN เจอกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงทั้งจากภาคธุรกิจคู่แข่ง การเมือง และภาคประชาชน หลังเปิดร้านถาวรแห่งแรกในห้างสรรพสินค้า BHV ในกรุงปารีส โดยถูกมองว่า เติบโตอย่างรวดเร็ว จากข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งก็คือการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าอีคอมเมิร์ซราคาต่ำ จนทำให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่ต่ำมาก และเครือข่ายฟาสต์แฟชันของฝรั่งเศสอย่าง Jennyfer และ Naf Naf ก็ล้มละลาย

ขณะเดียวกัน มีการตรวจสอบจากภาครัฐ จนถูกระงับบริการออนไลน์ในฝรั่งเศสอีกด้วย เนื่องจากถูกพบว่ามีสินค้าต้องห้ามจำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม SHEIN ได้ดำเนินการแก้ไขในทันที โดยได้ถอนสินค้าผิดกฏหมายทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม ทำให้ กระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ได้ยกเลิกคำสั่งระงับดังกล่าวแล้ว แต่ยังยืนยันว่า จะยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงประเมินสถานการณ์อีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่วนกระบวนการทางกฏหมายจะยังดำเนินการต่อไป โดยทางกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส ได้ยื่นฟ้องในศาลปารีส และอัยการได้เปิดการสอบสวนถึง 4 คดี ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าต้องห้าม รวมถึงกรณีของศุลกากร จะยังตรวจสอบสินค้าที่ถูกยึดไว้ทั้งหมดต่อไป 

นอกจากนี้ ทางการฝรั่งเศสจะสอบสวนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่พบว่ามีการจำหน่ายสินค้าผิดกฏหมาย คู่ขนานกันไปอีกด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง