รีเซต

เปิด 10 พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอาการ หัวใจวายเฉียบพลัน

เปิด 10 พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอาการ หัวใจวายเฉียบพลัน
TNN ช่อง16
30 พฤศจิกายน 2563 ( 14:33 )
2K
เปิด 10 พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอาการ หัวใจวายเฉียบพลัน

จากกรณีเมื่อวานนี้ (29พ.ย.) เกิดเหตุนักวิ่งมาราธอนเสียชีวิตถึง 3 คน  รายแรก คือ นพ. อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค วัย 59 ปี หมดสติกะทันหัน ขณะร่วมวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอนที่อุทยานวีรชนค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ระยะทาง 5 กิโลเมตร ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

รายที่ 2 และ 3 เกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง ในงานวิ่งอาสาพาวิ่ง 2020 เส้นทางวิ่งรอบอ่างเก็บน้ำดอกกราย อำเภอปลวกแดง ซึ่งผู้เสียชีวิตวัย 54 ปี วิ่งไปสักพักแล้วหมดสติ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลปลวกแดง 

อีกรายวัย 30 ปี วูบล้มลงหมดสติหลังออกจากจุดสตาร์ตได้ 4 กิโลเมตร ชีพจรหยุดเต้น ต้องปฐมพยาบาลช่วย แต่ไม่สำเร็จ 

นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก ระบุว่า โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันสามารถเกิดได้ทุกสถานที่และเวลา เช่น ขณะออกกำลังกาย หรือการนอนหลับพักผ่อน

พฤติกรรมเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน เปลี่ยนให้ทันก่อนจะสาย 

1. ชอบรับประทานอาหารไขมันสูง

อาหารคอเลสเตอรอลสูง เช่น เค้ก เบเกอรี่ เนื้อสัตว์ติดมัน ชีส อาหารสำเร็จรูป ฟาสต์ฟู้ด และอาหารปิ้งย่าง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง คอเลสเตอรอลสูงจนไปอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ และเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้

2. อ้วน

การปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็ทำให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ซึ่งมักจะเกิดจากการมีไขมันในหลอดเลือดมาก ส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตติดขัด กระทั่งหัวใจขาดเลือดและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

3. ออกกำลังกายมากเกินไป

ปัจจัยนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ทั้งแบบรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ โดยการออกกำลังกายมากเกินไปจะเพิ่มภาระให้ระบบหัวใจและปอดต้องทำงานอย่างหนัก กระทั่งสูญเสียความสามารถในการทำงาน กล้ามเนื้อหัวใจตายลงไปในที่สุด

ฉะนั้นหากออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อยเกินพอดี (เหนื่อยหอบจนไม่สามารถพูดคุยได้แม้แต่คำสั้น ๆ) แนะนำให้ชะลอการออกกำลังกาย หยุดพักดีกว่าฝืนออกกำลังกายต่อไป ที่สำคัญอย่าหยุดออกกำลังกายอย่างกะทันหัน เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเช่นกัน

4. ขาดการออกกำลังกาย

พฤติกรรมขาดการออกกำลังกายมักจะนำภาวะอ้วนมาให้ ซึ่งเมื่ออ้วนขึ้นก็เสี่ยงต่อโรคไขมันในเลือดสูง หรืออาจเกิดภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด ทำให้หัวใจขาดเลือดได้

5. ดื่มคาเฟอีนมากเกินไป  

เมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสียสมดุลของสารเกลือแร่ในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการชักเกร็ง หลังแอ่น ปอดแฟบ ความดันโลหิตพุ่งสูงอย่างเฉียบพลัน หัวใจบีบรัดมากเกินไป ส่งผลให้ภาวะการหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้ 

6. เสียใจอย่างหนัก สะเทือนใจอย่างแรง

ความรู้สึกที่รุนแรงก็อาจส่งผลถึงชีวิตได้เช่นกัน ทางการแพทย์จะเรียกกันว่า ภาวะหัวใจสลาย หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติทาโคสึโบะ โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมีระดับฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมาสูงมากอย่างเฉียบพลัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจและหลอดเลือด โดยอาจเกี่ยวกับการที่หัวใจด้านซ้ายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

อาการที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวเนื่องมาจากสมองมีการหลั่งสารแคทีโคลามีน หรือสารสื่อประสาท เช่น อีพิเนฟริน นอร์อีพิเนฟริน และโดพามีน ในขณะที่เกิดความเครียดมาก ๆ หรือมีสิ่งสะเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น สูญเสียคนรักอย่างกะทันหัน พ่อ แม่ ญาติสนิทเสียชีวิต เจอความผิดหวังเสียใจหนัก ๆ ทำให้หลอดเลือดหัวใจเกร็งและแข็งตัวทันที เลือดจึงไม่สามารถผ่านไปเลี้ยงหัวใจ และหากเป็นในเวลานาน หัวใจก็ไม่อาจสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ นำมาซึ่งภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

7. ช็อก

ภาวะช็อกมักจะเกิดจากการสูญเสียเลือดในปริมาณมาก เช่น คนที่ประสบอุบัติเหตุ เสียเลือดมาก ส่งผลให้หัวใจมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอหรือเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้

8. ใช้สารเสพติด

พฤติกรรมเสพยาเสพติด เช่น โคเคน แอมเฟตามีน หรือการได้รับยาเกินขนาด อาจส่งผลให้หลอดเลือดมีการหดตัวอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้เช่นกัน

9. สูบบุหรี่

คนที่สูบบุหรี่จัด ๆ ขอเตือนให้ระวังสุขภาพโดยด่วน เพราะบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัว มีการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจตีบลง จนเกิดภาวะหัวใจขาดออกซิเจน เส้นเลือดหัวใจตีบ เมื่อเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ จะเกิดอาการจุกเสียด เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย มีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจนเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว

10. เครียดง่าย

คนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูง ๆ คือกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติมากที่สุด เพราะความเครียดจะไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ รวมไปถึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงมีไขมัน มีการอักเสบต่าง ๆ มาเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดง และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือดได้ โดยเฉพาะคนที่มีความเครียดมาก ๆ และเครียดอยู่เป็นประจำ

โรคหัวใจวายเฉียบพลัน อาการเป็นอย่างไร

คำว่าเฉียบพลันก็บอกเป็นนัย ๆ ว่าอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ ที่สำคัญคือมักจะเกิดแบบไม่มีสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของร่างกาย ดังนั้นอีกหนึ่งข้อมูลที่อยากให้ทราบกันไว้ก็คืออาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรืออาการหัวใจวาย สังเกตได้ง่าย ๆ จากอะไรบ้าง ซึ่งอาการก็มีดังนี้

- เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตรงกลางอก และเป็นนานเกินกว่าหนึ่งนาทีขึ้นไป

- เจ็บแน่นหน้าอกร้าวไปยังบริเวณคอ กราม ไหล่และแขนทั้งสองข้าง

- มีเหงื่อออกตามร่างกาย

- เหนื่อยง่าย หายใจถี่กระชั้น

- วิงเวียน หน้ามืด

- ชีพจรเต้นเร็ว   

หากพบเห็นใครก็ตามที่มีอาการข้างต้น ควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยด่วน เพื่อกู้ชีพผู้ป่วยขึ้นมา โดยหลังจากโทร เรียกรถพยาบาลแล้ว ก็ควรรีบทำ CPR อย่างถูกวิธีโดยเร็วที่สุด


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com 
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live 
twitter : TNNONLINE 
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE 
Instagram : TNN_ONLINE 
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง